พงษ์ระวี คว้าดีลใหญ่ขนส่งน้ำมันสถานีบริการเชลล์ เผยเน้นใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มสมรรถนะ มั่นใจเลือก วอลโว่ ทรัคส์ เป็นพาร์ทเนอร์
พงษ์ระวี คว้าดีลใหญ่ขนส่งน้ำมันสถานีบริการเชลล์ เผยเน้นใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มสมรรถนะ มั่นใจเลือก วอลโว่ ทรัคส์ เป็นพาร์ทเนอร์
พงษ์ระวี บริษัทขนส่งวัตถุอันตรายชั้นนำในอาเซียน เซ็นสัญญาใหญ่ย้ำการเติบโตต่อเนื่องทุกปี มั่นใจเลือกรถ Volvo FM11 รุ่นใหม่ หนุนขับเคลื่อนธุรกิจโตรับรายได้หลักพันล้านภายในปี 2566 พร้อมเตรียมศึกษาขยายธุรกิจสู่การขนส่งสินค้าในกลุ่มอาหารแช่แข็ง และ สินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต
นายสุรศักดิ์ บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พงษ์ระวี จำกัด เปิดเผยว่า “พงษ์ระวี ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าและวัตถุอันตรายมาแล้วกว่า 26 ปี ปัจจุบันมีรถบรรทุกกว่า 300 คัน พร้อมพนักงานขับรถกว่า 500 คน โดยมีสัดส่วนการดำเนินงานที่การขนส่งน้ำมันปิโตรเลียม และวัตถุอันตราย คิดเป็น 90% ส่วนอีก 10% เป็นการขนส่งประเภทอื่นๆ อาทิเช่น ขนส่งรถยนต์ และอื่นๆ พงษ์ระวีมีระบบการจัดการที่ได้มาตรฐานสูงมุ่งเน้นความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า ซึ่งในปีนี้เราได้เซ็นสัญญาในการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจากบริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นระยะเวลา 8 ปี โดยทางบริษัทฯ มีการสั่งซื้อรถบรรทุก Volvo FM11 จำนวน 21 คัน ซึ่งมีสมรรถนะสูงตรงตามความต้องการของลูกค้า เพื่อนำมาใช้ในภารกิจขนส่งตามที่ได้รับมอบหมายตลอดระยะเวลาสัญญา
ด้วยประสบการณ์การทำสัญญากับบริษัทข้ามชาติที่มีมาตรฐานระดับโลกหลายบริษัท เราทราบถึงมาตรฐานอันเข้มงวดของธุรกิจการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง และวัตถุอันตราย ทั้งมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา และยุโรป พร้อมได้ศึกษาข้อกำหนด ข้อควรระวัง และแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมาเป็นอย่างดี ทำให้สามารถนำเอารายละเอียดข้อกำหนดต่าง ๆ เหล่านั้น มาสร้างเป็นมาตรฐานที่ดีในการขนส่งให้แก่พงษ์ระวี พร้อมทั้ง ตระหนักเป็นอย่างดีถึง การบริหารจัดการควบคู่ไปกับเทคโนโลยีและสมรรถนะของรถบรรทุกที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แม้ภาพรวมธุรกิจขนส่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะมีการปรับตัวลดลงจากสถานการณ์โควิด – 19 และการผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ทางบริษัทก็ได้มีการปรับตัวรับวิกฤติที่ผ่านมาและสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมั่นคงและพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป อีกทั้งยังสามารถทำรายได้ให้เติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 10% ด้วยโครงสร้างการบริหารจัดการที่ดีในเรื่องต้นทุนการดำเนินงานและการพัฒนาบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เราเตรียมขยายการบริการงานขนส่งสินค้าประเภทอื่นให้เพิ่มขึ้นในปีถัด ๆ ไป เช่น การบริการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) อาทิ งานขนส่งสินค้าแช่แข็งโดยใช้รถควบคุมอุณหภูมิที่มีเครื่องทำความเย็น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และยังมีความต้องการเพิ่มอีกในอนาคต โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มสัดส่วนในการขนส่งอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นบริการหลักของเราให้เติบโตเพิ่มราว 10% ในทุกปี และตั้งเป้ารายได้ให้เติบโตแตะหลักพันล้านในปี 2566”
นายสมพรชัย โสภาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท พงษ์ระวี จำกัด กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ เราเลือกใช้รถบรรทุก Volvo FM11 330 แรงม้า ในการเข้าร่วมประมูลงานขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในครั้งนี้ เนื่องด้วยธุรกิจการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง และวัตถุอันตรายต้องการความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งลูกค้ายังมีข้อกำหนดในเรื่องของศักยภาพการทำงาน และคุณสมบัติแบบเจาะจงของรถบรรทุกที่ทำการขนส่งสินค้าอีกด้วย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีและสมรรถนะของรถบรรทุก Volvo FM11 330 แรงม้า รุ่นใหม่นี้ สามารถตอบโจทย์ในทุกด้านโดยเฉพาะการลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ และขนส่งได้ถึงที่หมายอย่างมีประสิทธิภาพด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ เรายังมีการจัดอบรบให้กับพนักงานขับรถอย่างสม่ำเสมอ และมีการให้เงินพิเศษสำหรับพนักงานขับรถที่ดูแลรักษาสภาพรถ และขับขี่ได้ปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ เป็นแรงจูงใจให้พวกเขาระมัดระวังทุกครั้งเมื่ออยู่หลังพวงมาลัยเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการขนส่งหรือ ละเมิดข้อตกลงในทุก ๆ ด้านกับลูกค้า”
ด้าน มร.มาร์ติน ซอมเมอร์ รองประธานกรรมการฝ่ายขายวอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับการส่งมอบรถใหม่ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมงานวอลโว่ ทรัคส์ และบริษัท พงษ์ระวี ในการคัดเลือก ออกแบบและปรับแต่ง ตัวรถให้ได้ตรงตามความต้องการสำหรับงานขนส่งวัตถุอันตรายโดยเฉพาะ โดยล็อตนี้เป็นครั้งแรกในการนำเสนอรถบรรทุกสิบล้อรุ่น FM11 330 แรงม้า ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มรูปแบบ เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวป้องกันการพลิกคว่ำ (ESP) ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมด้วยระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเลน และรักษาช่องทางการขับขี่อัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สามารถตอบโจทย์งานขนส่งน้ำมันปิโตรเลียมที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพในการขนส่ง การขับขี่ประหยัดน้ำมัน และความปลอดภัยสูงสุด ในราคาที่คุ้มค่าหากเปรียบเทียบกับสมรรถนะรวมที่ได้รับ
นอกจากนี้วอลโว่ ได้นำเสนอสัญญาบริการซ่อมบำรุง (Service agreement) แบบ Gold contract เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งช่วยให้ลูกค้าเบาใจในเรื่องการซ่อมบำรุง และรับทราบค่าใช้จ่ายแบบคงที่ ทั้งหมดนี้ทำให้ลูกค้าไว้วางใจให้เราเป็นพาร์ทเนอร์ในโปรเจคใหม่นี้ และเราเชื่อมั่นว่า Volvo FM11 รุ่นใหม่ จะช่วยให้ธุรกิจงานขนส่งของพงษ์ระวีสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จตามที่ลูกค้าได้ตั้งเป้าหมายไว้”