Skip to main content

News in:  BM | TH | CN

Scania R 410 A6x2NA YAK Edition ฉลอง 35 ปี สแกนเนีย สยาม ทำตลาดในประเทศไทย

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a saleแน่นอนว่าการทำการตลาดมาตลอดระยะเวลาสามสิบห้าปีในประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสแกนเนียนั้น มีพัฒนาการที่มีทิศทางและเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง มิเพียงเท่านั้นสแกนเนียยังสามารถสร้างความเข้าใจระหว่างลูกค้าผู้ใช้งานรถสแกนเนียให้ได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่างๆ ของรถสแกนเนีย ที่สามารถช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจการของลูกค้าได้

ซึ่งเทคโนโลยีของสแกนเนียที่ช่วยให้การทำงานของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเกียร์ออปติคลูส ระบบช่วยเบรกรีทาร์ดเดอร์ หรือแม้แต่ขีดความสามารถของการขับเคลื่อนแบบเพลาเดียว ที่ในยุคแรกมีแต่การตั้งคำถาม อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม ในปัจจุบันสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า ในแง่ของความประทับใจที่ได้จากการใช้งานโดยตรง ยังไม่รวมถึงงานบริการหลังการขายที่สนับสนุนลูกค้าและรับฟังเสียงของลูกค้า

คุณณรงค์ฤทธิ์ อิทธิสารรณชัย ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนการขาย และ คุณอรรถพล ชูศรี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารและการตลาด จากสแกนเนีย เปิดโอกาสให้ Asian Trucker ได้สนทนาซักถามถึง รถหัวลากรุ่น R 410 YAK Edition “ยักษ์” ที่สแกนเนียเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สั่งซื้อไปใช้งาน ถึงความพิเศษและที่มาที่ไป

การนำเสนอโปรดักซ์รุ่น R 410 A6x2NA โดยใช้ชื่อว่า ยักษ์ (YAK) สู่ตลาด ผ่านการทำงานร่วมกันเป็นทีมของสแกนเนีย เพื่อที่จะทำอะไรให้กับวาระพิเศษของสแกนเนีย นอกจากจะมุ่งหวังในเรื่องการรับรู้ของตลาดพ่วงไปกับการได้จำหน่ายรุ่นพิเศษให้กับลูกค้าที่อยากจะได้สินค้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไปใช้งาน

คุณณรงค์ฤทธิ์ อธิบายให้ฟังว่า รถสแกนเนียมีลักษณะเด่นคือมีความยืดหยุ่นสูง ลักษณะการประกอบรถเป็น Modular System นั่นคือลูกค้าสามารถเลือกออฟชั่นต่างๆ ที่เหมาะกับการใช้งานของลูกค้าได้

ด้วยลักษณะเช่นนี้กับ “ยักษ์” หลังจากทำการบ้าน และพูดคุยกันแล้ว สแกนเนียจึงตกลงใจที่จะเอาจุดเด่นของแต่ละซีรีย์ของรถสแกนเนีย มาอยู่ใน “ยักษ์” R410 เช่น หัวเก๋งสูง เปิด-ปิดกระจกระบายอากาศบนหัวเก๋งด้วยไฟฟ้า เบาะหนังมีโลโก้สแกนเนีย เพิ่มพื้นที่เก็บของในหัวเก๋ง มีช่องเก็บความเย็นสำหรับคนขับ ระบบเครื่องเสียง เครื่องยนต์ ระบบเฟืองท้าย พวงมาลัย

ทางหนึ่งคือเป็นการโชว์ให้กับตลาด และ ลูกค้าได้เห็นว่าลูกค้าสามารถเลือกได้สำหรับรถของตนเองว่าจะให้มีอะไรบ้าง หรือที่เรียกว่า Tailor made (การสั่งตัดเย็บเสื้อผ้าให้เหมาะกับตัวของเรา) ให้เหมาะกับความชอบและลักษณะการใช้งาน

เมื่อลูกค้ามีแผนในการลงทุนเรื่องยานพาหนะ การเข้ามาปรึกษากับสแกนเนียก่อนตัดสินใจซื้อจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สแกนเนียใส่ใจเรื่องการรับฟังเสียงของลูกค้า เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน ประสิทธิภาพต่างๆ สิ่งที่ลูกค้าชอบ ไม่ชอบ รวมทั้งในเรื่องของงานบริการ ไปจนถึงเรื่องของการเงิน ลิสซิ่ง ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ลูกค้าแต่ละรายได้รับไปจากการเจรจาซื้อรถจึงแตกต่างกันออกไป ตามข้อตกลงที่มีร่วมกันระหว่างสแกนเนียกับลูกค้า เพื่อทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการบริหารต้นทุนของลูกค้า ทำให้สามารถที่จะบริหารจัดการทุนในการดำเนินธุรกิจโดยมีรถสแกนเนียไปขับเคลื่อนกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

การเปิดตัว “ยักษ์” สู่ตลาดในวาะระที่สแกนเนียอยู่เคียงข้างลูกค้ามาสามสิบห้าปี นอกจากตัวโปรดักซ์ที่อัดแน่นไปด้วยจุดเด่นอันหลากหลาย ที่หยิบมาจากแต่ละรุ่นของสแกนเนีย มาอยู่ใน R410 “ยักษ์” ยังเป็นอีกหนึ่งภาพแทนที่แสดงออกถึงความหนักแน่น ในคำมั่นสัญญาที่จะยืนอยู่เคียงข้างลูกค้าเสมอ “ยักษ์” มาพร้อมกับโปรแกรมบำรุงรักษาที่เพิ่มพิเศษจากสองปีเป็นสามปี ฟรีค่าบำรุงรักษาห้าปี

อีกหนึ่งใจความสำคัญที่ทางสแกนเนียสื่อสารกับสาธารณะเสมอมาคือ เรื่องของการขนส่งอย่างยั่งยืน อย่างที่รู้กันดีว่า ธุรกิจขนส่งมีส่วนในการทำให้โลกร้อนขึ้น จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เครื่องยนต์ของสแกนเนียพัฒนามาตลอดระยะทาง ปัจจุบันนอกจากสามารถประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 5 % แล้ว ยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอีกด้วย

การมีส่วนสำคัญในเรื่องการลดปริมาณของเสียที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมของรถสแกนเนียนี้ ลูกค้าสามารถใช้เป็นรายละเอียดในการนำเสนอการวิ่งขนส่งสินค้าให้กับบริษัทที่ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ เทรนด์ของการขนส่งในอนาคตบริษัทที่ได้มาตรฐานจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้สูงมากในการประกอบการค้า คุณสมบัติที่อัดแน่นของรถสแกนเนียรุ่นพิเศษ “ยักษ์” R410 เหมาะกับทุกกิจการขนส่งสินค้า แน่นอนเหมาะกับผู้ที่ดำเนินกิจการด้วยรถสแกนเนียอยู่แล้วและกำลังจะลงทุนเพิ่มรถ เพราะแพคเกจที่มาพร้อมกับรถนั้นคุ้มค่ากับการลงทุน รวมทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองปีที่ 35 ในประเทศไทยร่วมกันกับสแกนเนีย

ช่วงหนึ่งของการพูดคุยเราถามด้วยความอยากรู้ว่าครบรอบสามสิบห้าปีของสแกนเนียในประเทศไทย มี “ยักษ์” เป็น Speacial Edition สำหรับรถหัวลาก ในส่วนของรถบัสมีอะไรพิเศษหรือไม่ แน่นอนว่าลูกค้าบัสของสแกนเนียต้องอดใจรอนิดหน่อย ทีมงานของสแกนเนียกำลังทำการบ้านเพื่อจัดสรรสิ่งที่พิเศษให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน

Yak Edition / R410 A6x2NA
- หัวเก๋งขนาดใหญ่ (R-series) - เครื่องยนต์ขุมกำลัง 410 แรงม้า - ขับเคลื่อน 6x2 เกียร์ออพติครูส - ระบบช่วงล่างถุงลมให้สัมผัสนุ่มสบายแต่มั่นใจ - ถุงลมนิรภัยผู้ขับขี่ ดิสก์เบรกพร้อมเบรกเสริม สำหรับทางลาดชันรีทาร์เดอร์ - ระบบรักษาเสถียรภาพ (ESP) - เบรกอัตโนมัติ (AEB) - ระบบเตือนออกนอกเลน (LDW) - ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามความเร็วคันหน้า (ACC) ที่มอบทั้งความสะดวกสบายในการขับขี่ ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ ยังทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นด้วย มั่นใจได้กับทุกงานในการขนส่ง - ห้องโดยสะดวกสบายด้วยเบาะที่นั่งคู่หน้า หุ้มหนังคุณภาพดี พร้อมลายนูนโลโก้สแกนเนีย - วิทยุจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว - ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ - หน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลขนาดใหญ่ขึ้น - พวงมาลัย D-shape หุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น - เสริมความสะดวกสบายเอาใจนักขับคนไทยด้วยม่านบังแดด ช่องเก็บของขนาดใหญ่ เตียงนอนขนาด 800 มิลลิเมตร ช่องบนหลังคาปรับไฟฟ้า และช่องแช่เย็นอเนกประสงค์ที่ให้ความเย็นเทียบเท่าตู้เย็น ทั้งหมดถูกจัดวางและสร้างในตำแหน่งตามหลักสรีรวิทยา จึงทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสะดวกสบายตลอดทางs agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

Scania sets Economy Mode as Default from 2021

The Economy Mode is now a pre-set default for all new Scania trucks and coaches with Opticruise starting from 2021. This is to ensure that our customers enjoy the best fuel economy and CO2 emission reductions, in line with Science Based Targets initiatives (SBTi). Scania customers with trucks or coaches purchased before 2021 can set the Economy Mode as default on their vehicles at any authorised Scania workshop nationwide. Labour charges are applicable but will be complimentary up to 31st of December 2022. So, customers are encouraged to send in their trucks or coaches now to take advantage of this complimentary offer.

“Scania trucks and coaches will start with Economy Mode each time the vehicles are switched on regardless of the last mode they were switched off with. This ensures the best fuel-efficient drive at most times,” said Tom Kuiphuis, Business Support Director, Scania Southeast Asia. “Drivers can still switch from Economy Mode to other performance modes depending on the requirement of the driving conditions.”

The Economy Mode is one of the many initiatives in line with Scania’s aim to achieve the science-based targets of SBTi by 2025 – reducing carbon footprint in Scania’s operations by 50 percent and Scania’s customers vehicles by 20 percent. This is to mitigate increase in global temperature as per Scania’s commitment at the Paris Agreement 2015 - limiting global warming to well-below 2°C above pre-industrial levels and pursuing efforts to limit it to 1.5°C.

Scania trucks in Shipping Container application can achieve the best fuel consumption up to 4.0 km/litre and the best CO2 emission reduction up to 0.82kg/km. For the Bulk Transport application, the best fuel consumption can be up to 3.6 km/litre while the best CO2 emission reduction can be up to 0.81 kg/km. General Cargo application’s best fuel consumption can be up to 3.6 km/litre, while the best CO2 emission reduction can be up to 0.77 kg/km. Tractor Tipper’s best fuel consumption can be up to 2.0 km/litre, while the best CO2 emission reduction can be up to 0.93 kg/km. The Economy Mode, together with Scania total solutions like Instalment Plan R&M7 can help operators achieve these fuel economy and CO2 emission reductions consistently.

Customers who want to opt-out of the Economy Mode default setting, can do so before delivery or after taking delivery of their new Scania vehicles. Before delivery, customers should inform Scania’s sales representative but after delivery, customers can send it to any Scania workshop to have the setting changed to their default preference. Labour charges are applicable.

“The pre-set Economy Mode default, in all Scania trucks and coaches with Opticruise, is all it takes to save more fuel, save the environment while delivering better profitability. And together with Scania’s maintenance and financial services, customers will achieve success in their operations while playing a part in SBTi,” added Tom. “I encourage our customers to opt-in and join us in this partnership towards a sustainable future for their business and for the planet.” 

Scania to Recognise "A Good Driver"

Scania’s Ecolution customers’ drivers are now getting the recognition that they deserve through the launch of the annual ’A Good Driver’ Truck & Bus Competition (AGD) that will run from 1 December 2021 to 30 November 2022.

‘A Good Driver’ is a truck or bus driver from ’A Good Company’. The drivers automatically qualify as long as they are part of the Scania Ecolution partnerships and drive the specific vehicles under the programme. The vehicles they drive is already marked with a Scania Ecolution sticker. The drivers will get a t-shirt with AGD Qualifier Badge to begin with.

To win, a good driver’s driving must result in the best percentage of km/l improvement throughout the duration. This can be tracked using Scania Fleet Management System. The 1st, 2nd and 3rd place winners will then be crowned with a certificate and a host of attractive Scania premium prizes. The best that drives consistently in a safe, fuel-efficient and environmentally-friendly way will get the Champion Jacket with AGD Champion Badge. Corresponding companies to the winners get service vouchers worth MYR5 000/3 000/1 000 respectively. For more information and the terms & conditions of AGD can be found on Scania Malaysia's website.

“It is about time that we elevate the status of heavy commercial vehicle drivers by recognising the role that they play in contributing to their respective logistics and transport companies and to the environment,” stated Heba El Tarifi, Managing Director, Scania Southeast Asia. “They are truly the good drivers that drive for good companies that care for the people and planet.”

To win, a good driver’s driving must result in the best percentage of km/l improvement throughout the duration. This can be tracked using Scania Fleet Management System. The 1st, 2nd and 3rd place winners will then be crowned with a certificate and a host of attractive Scania premium prizes. The best that drives consistently in a safe, fuel-efficient and environmentally-friendly way will get the Champion Jacket with AGD Champion Badge. Corresponding companies to the winners get service vouchers worth MYR5,000/3,000/1,000 respectively. For more information and the terms & conditions of AGD can be found at www.scania.com.my. “It is about time that we elevate the status of heavy commercial vehicle drivers by recognising the role that they play in contributing to their respective logistics and transport companies and to the  environment,” stated Heba El Tarifi, Managing Director, Scania Southeast Asia. “They are truly the good drivers that drive for good companies that care for the people and planet.”

Scania is committed towards minimising emissions from its products and its own operations. These include cutting CO2 emissions by 20 percent from its land transport per transported tonne by 2025 (using 2015 as a baseline), and 50 percent from its own operation. As an Ecolution partner with Scania, the good company and the driving is part of the journey towards achieving Science Based Target of reducing CO2 emissions in line with Scania’s Science Based Target of the Scence Based Target initiative (SBTi).

SCANIA全方位解决方案呈献SCANIA R&M7分期付款计划来 实现当前和未来的盈利

Scania推出崭新Scania R&M7分期付款计划,此领先业内的计划是Scania全方位解决方案所呈献的营运方式之一。

这项附带维修和保养服务的分期付款计划适用于四种不同物流领域,分别为航运集装箱、大宗货物、一般货物和倾卸拖拉车。从每月区区7888令吉起的上路价,客户可拥有一辆包含保险、路税和附有7年维修和保养合约的簇新Scania卡车。

Scania R&M7分期付款计划为客户呈献令人安枕无忧的完善物流解决方案。由于可预测每月的固定成本,客户可以即时实现盈利。他们在日常营业中赚取收入的同时可以放心,因为客户的Scania卡车将获得妥善维护以保障运转时间无误。

东南亚区Scania董事经理Heba El Tarifi表示:“在这项附带维修和保养合约的分期付款计划下,客户可以保障和优化盈利,因为这独特的拥车模式真正包揽所有营运成本。我们的客户也将达到最卓越的耗油率和二氧化碳减排,在卡车使用寿命期间有助促进盈利能力。”

Scania卡车配搭新配套用于航运集装箱用途的最佳耗油率可达每公升4公里及氧化碳排放可削减高达每公里0.82公斤。大宗货物运输用途的最佳耗油率可达每公升3.6公里及二氧化碳排放可削减高达每公里0.81公斤。一般货物用途卡车的最佳耗油率可达每公升3.6公里及二氧化碳排放可削减高达每公里0.77公斤。倾斜拖拉车的最佳耗油率可达每公升2.0公里及二氧化碳排放则可削减高达每公里0.93公斤。这些都是通过Scania R&M7新分期付款计划来实现。

Heba指出:“我们会继续推动迈向迎合客户需要的永续发展运输系统,让客户视Scania为保障客户目前和未来商业成功的业务伙伴。” 

SCANIA藉永续发展合作关系庆祝怡保营运首10周年

Scania庆祝它在怡保营运首十周年(F10Y),承诺将继续建立永续发展合作关系以帮助客户在业务盈利和环境方面都得益。

这项内部欢庆会是于马来西亚Scania销售和服务中心怡保分行(简称SMYIPH)举行,与会者除了分行全体人员之外,亦有Scania东南亚区董事经理Heba El Tarifi、Scania东南亚区服务总监Thor Brenden、Scania北马区域经理Wong NyookLin以及SMYIPH服务厂经理Wan Noaimadudin出席参与。欢庆会的节目包括首十周年纪念标志签名仪式、首十周年纪念切蛋糕仪式,以及向已服务十年的职员颁发首十年奖励,为人人带来一个充满欢乐气氛的早上。

Heba表示:“作为马来西亚Scania广泛销售和服务分行网络一员,SMYIPH不断建立永续发展合作关系,使它自2011年迄今成就辉煌。”霹雳州以及沿南北大道的客户可为卡车、巴士和旅游巴士安排定期保养以免抛锚,同时提升运转时间。此外,Scania Assistance 24/7 道路援助一直都让客户安枕无忧。自2019年签订第一份Scania Ecolution合作协议后,这项新增的服务也帮助节省燃油和减少二氧化碳排放。配合领先新交通和物流时代的数据报告服务,客户可以通过车队管理系统和驾驶员训练和辅导更有效管理车队。今年推出的Repair & Maintenance 7(维修和保养)分期付款计划旨在帮助客户立即实现盈利。同时,凡于2021年购置的新Scania卡车和巴士都预设节能模式为默认驾驶模式,以节省更多燃油。至于2021年前购车的客户则可以光临SMYIPH以启动此模式。”

Thor说道:“SMYIPH的技术人员致力确保客户享有最大运转时间。2018年,SMYIPH技术人员夺得马来西亚实践挑战赛的顶尖团队荣誉。2020年,他们再度赢取马来西亚理论挑战赛的顶尖团队奖。这也证明了他们持续掌握保养和维修客户车辆的实力优势。”

Noaimadudin指出:“SMYIPH团队的确让我深以为荣。在过去十年来,他们一直都致力推动客户业务、营运和环境的实际改革。凭着同事之间,以及公司与客户之间的真正团队合作精神,他们成功了。”

Nyooklin也表示:“SMYIPH的未来十年及以后将会很精彩,尤其是在实现科学碳目标的降低运输和物流二氧化碳排放方面。客户日益重视我们的全面解决方案方式。再生燃料和电气化、更安全和更智能化的运输科技将开创新的运输和物流时代。SMYIPH团队由衷希望能够通过建立更永续性的合作关系以继续推动朝向永续发展运输系统。” 

SCANIA藉永续发展合作关系庆祝怡保营运首10周年

Scania庆祝它在怡保营运首十周年(F10Y),承诺将继续建立永续发展合作关系以帮助客户在业务盈利和环境方面都得益。

这项内部欢庆会是于马来西亚Scania销售和服务中心怡保分行(简称SMYIPH)举行,与会者除了分行全体人员之外,亦有Scania东南亚区董事经理Heba El Tarifi、Scania东南亚区服务总监Thor Brenden、Scania北马区域经理Wong NyookLin以及SMYIPH服务厂经理Wan Noaimadudin出席参与。欢庆会的节目包括首十周年纪念标志签名仪式、首十周年纪念切蛋糕仪式,以及向已服务十年的职员颁发首十年奖励,为人人带来一个充满欢乐气氛的早上。

Heba表示:“作为马来西亚Scania广泛销售和服务分行网络一员,SMYIPH不断建立永续发展合作关系,使它自2011年迄今成就辉煌。”霹雳州以及沿南北大道的客户可为卡车、巴士和旅游巴士安排定期保养以免抛锚,同时提升运转时间。此外,Scania Assistance 24/7 道路援助一直都让客户安枕无忧。自2019年签订第一份Scania Ecolution合作协议后,这项新增的服务也帮助节省燃油和减少二氧化碳排放。配合领先新交通和物流时代的数据报告服务,客户可以通过车队管理系统和驾驶员训练和辅导更有效管理车队。今年推出的Repair & Maintenance 7(维修和保养)分期付款计划旨在帮助客户立即实现盈利。同时,凡于2021年购置的新Scania卡车和巴士都预设节能模式为默认驾驶模式,以节省更多燃油。至于2021年前购车的客户则可以光临SMYIPH以启动此模式。”

Thor说道:“SMYIPH的技术人员致力确保客户享有最大运转时间。2018年,SMYIPH技术人员夺得马来西亚实践挑战赛的顶尖团队荣誉。2020年,他们再度赢取马来西亚理论挑战赛的顶尖团队奖。这也证明了他们持续掌握保养和维修客户车辆的实力优势。”

Noaimadudin指出:“SMYIPH团队的确让我深以为荣。在过去十年来,他们一直都致力推动客户业务、营运和环境的实际改革。凭着同事之间,以及公司与客户之间的真正团队合作精神,他们成功了。”

Nyooklin也表示:“SMYIPH的未来十年及以后将会很精彩,尤其是在实现科学碳目标的降低运输和物流二氧化碳排放方面。客户日益重视我们的全面解决方案方式。再生燃料和电气化、更安全和更智能化的运输科技将开创新的运输和物流时代。SMYIPH团队由衷希望能够通过建立更永续性的合作关系以继续推动朝向永续发展运输系统。” 

Semua Trak dan Koc Baharu Scania Disediakan dalam Tetapan ‘default’ Mod Ekonomi

Mod Ekonomi akan menjadi tetapan default untuk semua trak dan koc Scania baharu yang dilengkapi dengan Opticruise mulai tahun 2021. Langkah ini bertujuan memastikan bahawa pelanggan kami menikmati penjimatan bahan api dan pengurangan pelepasan CO2 yang terbaik, selaras dengan inisiatif Sasaran Berasaskan Sains (‘Science Based Targets initiative atau SBTi). Pelanggan Scania yang membeli trak atau koc sebelum tahun 2021 boleh menetapkan Mod Ekonomi sebagai pilihan default untuk kenderaan mereka di mana-mana bengkel Scania yang sah di seluruh negara. Kos buruh dikenakan tetapi bayaran ini akan dikecualikan sehingga 31 Dis 2022. Memandangkan ini, pelanggan digalakkan menghantar trak dan koc mereka secepat mungkin bagi mengambil kesempatan tawaran percuma ini.

“Trak dan koc Scania akan dimulakan dengan Mod Ekonomi setiap kali kenderaan dihidupkan, tanpa mengira mod terakhir sebelum enjin dimatikan. Ini memastikan pemanduan cekap bahan api yang terbaik pada kebanyakan masanya,” kata Tom Kuiphuis, Pengarah Sokongan Perniagaan (Business Support Director), Scania Southeast Asia. “Namun, pemandu masih boleh bertukar dari Mod Ekonomi ke mod prestasi lain bergantung pada keperluan keadaan memandu.”

Mod Ekonomi adalah salah satu daripada beberapa inisiatif yang sejajar dengan matlamat Scania untuk mencapai sasaran berasaskan sains SBTi menjelang 2025 – mengurangkan jejak karbon dalam operasi Scania sebanyak 50 peratus dan kenderaan pelanggan Scania sebanyak 20 peratus. Langkah ini bertujuan mengurangkan peningkatan suhu global selaras dengan komitmen Scania dalam Perjanjian Paris 2015 – mengehadkan pemanasan global hingga di bawah 2°C melebihi paras praindustri sambil meneruskan usaha untuk mengehadkannya ke 1.5°C.

Trak Scania dalam penggunaan Kontena Penghantaran boleh mencapai penggunaan bahan api terbaik hingga 4.0 km/liter dan pengurangan pelepasan CO2 terbaik hingga 0.82kg/km. Untuk penggunaan Pengangkutan Pukal, penggunaan bahan api terbaik berupaya mencapai 3.6 km/liter manakala pengurangan pelepasan CO2 terbaik pula dapat mencapai 0.81 kg/km. Penggunaan bahan api terbaik untuk penggunaan Kargo Am dapat mencapai 3.6 km/liter, sementara pengurangan pelepasan CO2 terbaik pula boleh mencapai 0.77 kg/km. Untuk Traktor Jongket (Tipper) pula, penggunaan bahan api terbaik boleh mencapai sehingga 2.0 km/liter, sementara pengurangan pelepasan CO2 terbaik boleh mencapai sehingga 0.93 kg/km. Mod Ekonomi, bersama dengan penyelesaian menyeluruh Scania seperti Instalment Plan R&M7 dapat membantu pengendali mencapai penjimatan dari segi bahan api dan pengurangan dalam pelepasan CO2 secara konsisten.

Pelanggan yang memilih untuk tidak menggunakan tetapan default Mod Economi boleh berbuat demikian sebelum penghantaran atau selepas menerima penghantaran kenderaan Scania baharu mereka. Jika sebelum penghantaran, pelanggan perlu memaklumkan wakil jualan Scania, tetapi jika selepas penghantaran, pelanggan boleh menghantar kenderaan ke mana-mana bengkel Scania untuk mengubah tetapan mengikut pilihan mereka. Kos buruh akan dikenakan.

“Tetapan default Mod Economi yang didapati dalam semua trak dan koc Scania dengan Opticruise, berupaya menjimatkan bahan api, melindungi alam sekitar sambil menyampaikan keuntungan yang lebih baik. Bersama dengan perkhidmatan penyelenggaraan dan kewangan Scania, pelanggan akan mencapai kejayaan dalam operasi mereka di samping memainkan peranan dalam SBTi,” tambah Tom. “Saya menggalakkan pelanggan kami untuk memilih dan menyertai kami dalam perkongsian ini ke arah masa depan yang mampan bukan sahaja untuk perniagaan mereka malah juga untuk planet ini.” 

SKY International Transport บริการขนส่ง และขนถ่าย สินค้าข้ามแดน Cambodia Laos Myanmar Vietnam

SKY International Transport บริการขนส่ง และขนถ่าย สินค้าข้ามแดน Cambodia Laos Myanmar Vietnam

เริ่มต้นจากประสบการณ์ที่มีอยู่ ต่อยอด เติบโต ขยับขยายก้าวสู่ความยั่งยืน เพียงแค่ชั่วระยะเวลาห้าปี บริษัท SKY International Transport ได้สร้างรากฐานที่มั่นคง ให้กับธุรกิจการขนถ่ายและขนส่งสินค้าข้ามแดนในกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงเดินหน้าต่อเนื่องอย่างมีเป้าหมาย

แน่นอนว่าความสำเร็จของ Sky International Transport ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หากแต่ผ่านแนวความคิด การดำเนินการทางธุรกิจที่ชัดเจนของเจ้าของอย่างคุณก้องเกียรติ พาหมะ และ คุณเรืองรัตน์ ภูชยันตร์ ที่มองเห็นช่องทาง โอกาสในการดำเนินกิจการขนส่งสินค้าข้ามแดนในกลุ่มประเทศ CLMV ที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด

ทั้งคุณก้องเกียรติ และ คุณเรืองรัตน์ ต่างมีประสบการณ์มาจากสายธุรกิจนำเข้า ส่งออก โดยทำงานอยู่ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออกมาก่อน เมื่อมีช่องทางที่สามารถจะเริ่มธุรกิจของตนเองได้จึงตัดสินใจเริ่มต้นกิจการเปิดเป็นของตนเอง โดยได้เปิดบริษัท SKY International Transport มุ่งเน้นไปที่การดำเนินกิจการให้บริการในการนำส่งสินค้าเข้า ออก ข้ามเแดนในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งลูกค้าของ SKY ในปัจจุบันมีทั้งบริษัทในประเทศไทย บริษัทจากต่างชาติที่มีกิจการอยู่ในประเทศอย่างกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม

ก่อนจะเปิดบริษัททั้งคู่เล่าว่าต้องทำการบ้านหลายอย่าง มองดูรายละเอียดต่างๆ อย่างถ้วนถี่ แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงต้องเปิดรับข้อมูลต่างๆ อยู่ตลอดเวลา “เปิดบริษัทแล้วผมกับคุณเรืองรัตน์ก็ยังหาเวลาตระเวนขับรถพากันดูทุกด่านชายแดนที่เป็นประตูเชื่อมโยงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านอยู่เสมอ เราไปดูบรรยากาศ หาข้อมูล ไปคุยกับบรรดาผู้ประกอบการรถขนส่งท้องถิ่น” คุณก้องเกียรติกล่าว

การเก็บเกี่ยวศึกษาข้อมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เฉกเช่นเรือไม่อาจวิ่งโดยขาดกัปตัน แผนที่ ข้อมูลน่านน้ำที่จะมุ่งสู่ รวมทั้งทีมลูกเรือที่ดี มิเช่นนั้นแล้วเรือจะแล่นไปอย่างไร้ทิศทางและอาจจะอับปางลงอย่างรวดเร็ว กัปตันที่ดีจึงต้องรู้จักน่านน้ำ ท่าเรือ ที่จะแล่นเรือเข้าไป รวมทั้งการบริหารจัดการทีมงานให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มประเทศในอาเซียนไม่ได้โดดเดี่ยวแยกขาดจากกัน สินค้า วัตถุดิบ เชื่อมโยงไปมาระหว่างกัน
เกือบสิบปีก่อน เมื่อแนวความคิดเรื่อง AEC ถูกจุดประเด็นขึ้น สื่อกระแสหลักนำเสนอเรื่องราวคึกคักอยู่ช่วงหนึ่ง มีผู้คนจำนวนไม่น้อยคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จในเร็ววัน แต่ในความเป็นจริงแล้วความเชื่อมโยงทางด้านการค้าระหว่างกันของประเทศในอาเซียนหลังจากที่ลงนามร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกแล้วต้องใช้เวลาในการพัฒนายาวนานกว่าที่จะเกิดผลเป็นเรื่องเป็นราว

ช่องทางการค้าใน AEC พัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐของประเทศสมาชิกในกลุ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ภาคเอกชนเองต่างมุ่งค้นหาช่องทางในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งแสวงหาผลประโยชน์จากการเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งทำให้ตลาดเดิมของแต่ละประเทศที่มีขนาดเล็ก เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก กลายเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

ใน AEC ยังมีตลาดที่เชื่อมโยงแตกออกไปอีก เช่น กลุ่มประเทศ CLMV ที่ติดอยู่กับไทย ซึ่งกลุ่มประเทศ CLMV ได้รับความสนใจจากกลุ่มประเทศในยุโรป รวมทั้ง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ลงทุนเดิมในกลุ่มประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว

แน่นอนว่าหากเราจะมองลงไปในรายละเอียด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความเชื่อมโยงในกลุ่มประเทศอาเซียนทางด้านการค้ามีการปรับเปลี่ยนหลายด้าน โดยเฉพาะเมื่ออาเซียนถูกเชื่อมโยงเข้ากับจีน ทำให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจแตกแขนงเพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอย่าง CLMV ที่ได้รับประโยชน์ในฐานะแหล่งผลิตใหม่ที่ยังมีค่าจ้างแรงงานต่ำ ตลาดมีกำลังซื้อจากกลุ่มประชากรรุ่นใหม่ ซึ่งมีการขนส่งเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างมาก

กลุ่มประเทศ CLMV จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจของ Sky International Transport การเติบโตขึ้นของเศรษฐกิจในกุล่มประเทศนี้ ทำให้มีความจำเป็นในการขนส่งทั้งวัตถุดิบ สินค้า ทั้งเข้าและออก ทั้งในส่วนของการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และสนับสนุนในส่วนของผู้ผลิต

ในด้านการผลิตการลงทุน บรรดาผู้ผลิตเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังตลาดใหม่ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ขณะเดียวกันเมื่อเศรษฐกิจในเวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า เติบโตมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ความต้องการสินค้าจากไทยก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน สินค้าไทยหลายรายการได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพการผลิตจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นที่นิยม ทำให้เกิดการขนส่ง เกิดการนำเข้าสินค้าจากไทยหลายรายการเพิ่มขึ้น เกือบทั้งหมดขนส่งผ่านทางถนน

ทุนต่างแดนหลายเจ้าลดการลงทุนในไทยไปขยายตัวในประเทศเพื่อนบ้าน จากหลายปัจจัย ทั้งเรื่องค่าแรงงานที่ถูกกว่า การเมืองที่นิ่ง กำลังซื้อในตลาดที่เป็นคนรุ่นใหม่มีมากว่า หลายเจ้าย้ายโรงงาน บางเจ้ายังคงโรงงานเดิมไว้ เพื่อเชื่อมโยงการผลิตกับโรงงานที่เปิดใหม่ เป็นไปในลักษณะโรงงานหนึ่ง โรงงานสอง ซึ่งยังคงต้องพึ่งพากันบางอย่าง อาทิ การส่งป้อนวัตถุดิบ การนำกลับมาส่งออกที่ไทยซึ่งมีขีดความสามารถทางด้านท่าเรือและสนามบินที่ดีกว่า เหล่านี้ทำให้ต้องพึ่งพาเรื่องการขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งผ่านทางถนน ที่มีอัตราเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ สถานการณ์เหล่านี้เอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการของ SKY International Transport เป็นอย่างดี เมื่อ CLMV เติบโต กิจการของ Sky International Transport ย่อมจะได้รับประโยชน์ควบคู่ไปด้วย

งานบริการที่แตกต่าง คำนึงถึงคุณภาพสูงสุดที่ลูกค้าจะได้รับเป็นสำคัญ
คุณก้องเกียรติกล่าวว่าลูกค้าหลักของ Sky International Transport เป็นการว่าจ้าง Sky International Transport ดำเนินการขนส่งสินค้าใน แบบ Door to Door มีในสัดส่วนที่รับช่วงส่งต่อบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งคุณก้องเกียรติกล่าวว่า ในพม่า ลาว กัมพูชา Sky International Transport ดำเนินการนำสินค้าส่งมอบสินค้าให้ถึงที่หมายปลายทางโดยตรงเลย ซึ่งทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการมอบหมายการนำส่งสินค้าให้กับ Sky International Transport ดำเนินการให้

รูปแบบของ Sky International Transport คือการดำเนินการสนับสนุนทางด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนให้กับลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็นผู้ผลิตสินค้า ผู้จำหน่ายสินค้า เพื่อนำส่งสินค้าของลูกค้าสู่จุดหมายปลายทาง ในประเทศเวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา โดยเฉพาะทุกวันนี้ ถนนในประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขนส่งทางถนนข้ามแดนมีความสะดวก คล่องตัวเพิ่มมากขึ้น และได้รับความนิยมในการส่งสินค้ามากกว่าช่องทางอื่น ทั้งรวดเร็ว ควบคุมเวลาได้ มีต้นทุนการดำเนินการที่ถูกกว่า

Sky International Transport โดดเด่น เชี่ยวชาญเรื่องงานพิธีการด้านศุลกากรในกลุ่มประเทศ CLMV
ในการดำเนินการขนส่งสินค้านั้น Sky International Transport มิได้ดำเนินเพียงแค่การเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้คำปรึกษา ดำเนินการด้านเอกสาร พิธีการด้านศุลกากรในการนำเข้า และส่งออกสินค้าข้ามแดนด้วย

การนำส่งสินค้าข้ามแดน กระบวนการในการทำเอกสารนับเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องสั่งสมทั้งข้อมูล ประสบการณ์ในการประสานงานระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบ รวมไปถึงตัวบุคคลของแต่ละประเทศด้วย ซึ่งแต่ละประเทศมีรูปแบบการดำเนินการที่แตกต่างกันไป ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากประเทศไทยอยากจะส่งสินค้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มมากขึ้น แต่ยังขาดความรู้ ช่องทางในการเข้าสู่ตลาด คุณเรืองรัตน์ กล่าวว่า “ลูกค้าสามารถปรึกษากับ ทาง Sky International Transport ได้ หากอยากจะส่งสินค้าเพื่อเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ด้วยเพราะ Sky International Transport มีข้อมูล มีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ที่จะสามารถให้คำปรึกษา แนะนำ และนำส่งสินค้าเข้าไปสู่ตลาดประเทศในกลุ่ม CLMV ได้”

ทีมงานของ Sky International Transport เป็นทีมงานคนรุ่นใหม่
คุณเรืองรัตน์ ภูชยันตร์ บอกกับเราว่า ความโชคดีอย่างหนึ่งของ Sky International Transport คือทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเรียนรู้ กระตือลือล้นในการทำงาน ทุกคนสามารถทำงานได้หลากหลายเป็น Malti-Skill ในคนๆ หนึ่ง ทำให้งานของ Sky International Transport มีความยืดหยุ่น รับมือกับเหตุต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะงานขนส่งสินค้าข้ามแดนนั้น การบริหารจัดการรถในการขนส่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยุ่งยากคืองานเอกสาร และการประสานงานกับคน ทั้งคนของโรงงาน บริษัทของลูกค้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ศุลกากร

Sky International Transport ให้ความสำคัญกับระบบการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งข้อมูลในการทำงานนับได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการใช้วิเคราะห์สิ่งต่างๆ ที่ดำเนินการ ความโดดเด่นของ Sky International Transport คือ การมีองค์ความรู้ที่ครบ รอบด้านเกี่ยวกับการนำส่งสินค้าข้ามแดน ซึ่งมีส่วนช่วยให้การวางแผน การลงมือทำงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับในเรื่องของยานพาหนะ การดำเนินการในแบบสร้างพันธมิตร ระหว่าง Sky International Transport กับผู้รับจ้างขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในเส้นทางแต่ละประเทศโดยตรง ซึ่งปัจจุบันเป็นการเกื้อหนุนกัน โดยที่ Sky International Transport ไม่ต้องสร้างฟลีททรถให้มีขนาดใหญ่ แต่พันธมิตรที่จะมาทำงานด้วยกันนั้น ต้องผ่านการตรวจสอบทั้งการทำงาน ยานพาหนะที่ใช้ คนขับ รวมทั้งรับกติกาในการทำงานของ Sky International Transport ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง หากไม่สามารถทำตามข้อกำหนดที่วางไว้ได้ก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้ เพราะสินค้าที่มอบหมายให้ขนส่งนั้นมีความสำคัญสูงสุด คุณเรืองรัตน์ กล่าวว่าระหว่างพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันกับ Sky International Transport นั้น สื่อสารการทำงานกันชัดเจน ทำงานเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เพราะเมื่อ Sky International Transport เติบโต พันธมิตรที่ทำงานด้วยกันก็โตตามด้วย

การนำส่งสินค้าแต่ละเที่ยว Sky International Transport ต้องติดตามดูสินค้าทุกเที่ยวอย่างใกล้ชิดตลอดการขนส่ง ตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือลูกค้า โดยใช้ทั้งระบบ GPS และการติดตามด้วยคนในการโทรศัพท์เช็ค ระบบไลน์ (Line) เพราะสินค้าเมื่อข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว GPS ของฝั่งไทยไม่สามารถตามเช็คได้ ด้วยเหตุนี้ในระบบตรวจสอบจึงต้องมีหลายช่องทาง เพื่อติดตามสินค้าที่จัดส่งให้ได้ตลอดเส้นทาง

โควิด กระตุ้นให้การขนส่งสินค้าข้ามแดนเติบโต
เมื่อการส่งออกจากประเทศตนเองประสบปัญหา อันสืบเนื่องมาจากโควิด เช่น สนามบินปิด ท่าเรือไม่สามารถรองรับได้ เหตุต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ผู้ส่งออกรวมทั้งโรงงานหลายโรงที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อบ้านต้องใช้ไทยเป็นประตูในการส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบเพื่อให้กระบวนการต่างๆ ในการผลิตยังคงดำเนินไปได้ ด้วยเหตุนี้ปริมาณงานของผู้รับหน้าที่ในการจัดส่งสินค้าข้ามแดนอย่าง Sky International Transport จึงมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้น เพราะสินค้าจากหลายโรงงานนอกไทยมีความต้องการใช้ไทยเป็น Gate ในการส่งสินค้าออก

ในการขนส่งสินค้านั้น Sky International Transport มียานพาหนะที่เป็นของตนเองอยู่จำนวนหนึ่ง มีตั้งแต่รถกระบะ รถบรรทุกหกล้อ สิบล้อ และรถหัวลากพร้อมหาง (ทั้งพื้นเรียบ ก้างปลา) รวมทั้งตู้สินค้า นอกไปจากนั้น Sky International Transport มีคู่ค้าที่เป็นพันธมิตรกันที่เป็นบริษัทรถรับจ้างขนส่งสินค้า ที่มีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางการขนส่งสินค้าข้ามแดนในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ถึง 15 บริษัทที่รับหน้าที่เป็นผู้ขนส่งให้ แต่ละบริษัทมีความเชี่ยวชาญและประจำอยู่ในพื้นที่และเส้นทางที่แตกต่างกัน อาทิ ด่านชายแดนพม่าที่แม่สอด ด่านชายแดนลาวที่มุกดาหาร ด่านเชียงของจังหวัดเชียงราย ด่านกัมพูชาที่อรัญประเทศ

สินค้าที่ถูกนำส่งข้ามแดนโดย Sky International Transport มีหลากหลาย ตั้งแต่ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคขนาดเล็ก สินค้าแฟชั่น สินค้าก่อสร้างตั้งแต่กระเบื้อง ไปจนกระทั่งรถแมคโครขนาดใหญ่ ก็ผ่านการบริหารจัดการโดย Sky International Transport ให้สินค้าสามารถข้ามแดนและส่งถืงมือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สร้างมาตรฐานในการทำงาน รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับลูกค้า
ในการทำงานนั้น คุณเรืองรัตน์ ภูชยันตร์ ดูระบบหลังบ้าน งานเรื่องการเงินระบบบัญชี บริหารเรื่องการเงิน และช่วยดูงานขายบ้าง ส่วนคุณก้องเกียรติ พาหมะ จะดูในเรื่องของการขาย หางาน ส่วนงานโปรดักชั่น ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ดำเนินการ อัตราการขยายตัวของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ทั้งคู่ก็ยังมองหาโอกาส วางแผนที่จะขยับขยายและเติมในส่วนที่ยังขาดอยู่ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยานพาหนะ หรือตู้สินค้าสำหรับให้ลูกค้าเช่า

สำหรับลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ Sky International Transport ในการขนส่งสินค้านั้น ต่างมีความเชื่อมั่น ซึ่งเกิดขึ้นจากมาตรฐานในการทำงาน คุณก้องเกียรติ กล่าวว่า “เมื่อลูกค้าไว้วางใจส่งงานมาให้ Sky ทำ ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ เมื่อตกลงรับงานแล้วต้องทำให้สำเร็จ และสำเร็จด้วยมาตรฐานคุณภาพที่สูง การทำงานของทีมงานจึงต้องมีความรับผิดชอบสูง เมื่อตกลงเรื่องราคาแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง งานที่รับมาต้องทำให้สำเร็จ”

ทั้งคุณก้องเกียรติ พาหมะ และ คุณเรืองรัตน์ ภูชยันตร์ สนุกกับงานที่ทำ มองว่า Sky International Transport ยังเติบโตต่อได้อีก ยังมีความท้าทายอีกหลายเรื่องให้ได้ทำ เป้าหมายของ Sky International Transport ทั้งคู่บอกว่า ไม่วางเป้าหมายไกลเกินไป มองระยะสั้นที่เห็นได้ชัดเจน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ปรับตัว เรียนรู้ ก้าวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด ของโลก

ประเทศไทย กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม มีความเชื่อมโยงกันในหลายมิติ ทางด้านเศรษฐกิจมีการพึ่งพากันในหลายด้าน

ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ที่มีการควบคุมการเดินทาง การกระจายโรงงานของผู้ผลิตที่ตั้งอยู่ทั้งในไทย ลาว กัมพูชา พม่า ทำให้ต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างโรงงาน โครงสร้างพื้นฐานทางด้านถนนมีการพัฒนาคืบหน้า ทำให้การขนส่งสินค้าข้ามแดนมีความสะดวกขึ้น สามารถควบคุมได้ทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งการที่มีนักลงทุนจากไทยเข้าไปดำเนินกิจการ รวมทั้งการส่งสินค้าเข้าไปเปิดตลาด เหล่านี้ทำให้ Sky International Transport สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเป็นผู้เชี่ยวชาญการนำส่งสินค้าข้ามแดนในกลุ่ม CLMV ได้เป็นอย่างดี ด้วยมาตรฐานการดำเนินการที่เน้นคุณภาพในการทำงานสูงสุด ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการให้ Sky International Transport เป็นผู้จัดส่งสินค้าข้ามแดนให้

ในอนาคตคุณก้องเกียรติ กล่าวว่า Sky International Transport ต้องเติบโตก้าวไปข้างหน้า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคตด้วย เพราะการเกิดขึ้นของโควิด ทำให้การวางแผนงานต้องติดตามดูสถานการณ์รอบด้านอย่างใกล้ชิด โลกในยุคปัจจุบันหลังจากเกิดการระบาดใหญ่ ต้องก้าวเดินอย่างรอบครอบรัดกุม การมีข้อมูลรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรับมือกับ Next Normal ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Split of Daimler into Two Independent Companies: Daimler Truck Transfers Historical Mercedes-Benz Commercial Vehicles and Archive to Wörth

Due to the split of Daimler into two independent companies on 1 December, Daimler Truck transferred the first batch of historical Mercedes-Benz commercial vehicles and parts of its truck and bus archive to the location in Wörth at the end of November. For this purpose a convoy of low-loaders and historical trucks and buses travelled from the Stuttgart area to the Application Information Centre (BIC) of the Mercedes-Benz truck plant in Wörth am Rhein. The historical trucks included a Mercedes-Benz LP 333 from 1960 (known as a “millipede” due to its two steerable front axles) and a Mercedes-Benz LP 608 which was the first truck produced at the recently opened Wörth plant in 1965. In future, Daimler Truck will mainly house its collection of historical exhibits near its truck and bus locations. Additional archival material and exhibits will be relocated in the weeks ahead.

Daimler Truck’s collection encompasses around 130 vehicles, of which about 30 were previously located in Stuttgart and the surrounding area. This collection also includes powertrains, parts and accessories from the company’s 125-year truck history. The archives of Daimler Truck were previously distributed on more than 160 square metres of storage space. The documents filled more than 2 000 metres of shelves on several levels. The archival material includes 2 600 rolls of film and 600 magnetic tapes that contain over 1 000 hours of historical moving images.

Sven Gräble, Head of Operations Mercedes-Benz Trucks, who is responsible for Mercedes-Benz Trucks’ global production network, welcomed the convoy when it arrived at the Wörth location. “Even though Daimler Truck will go its own way in the future, we and the car and van colleagues will continue to share a history full of pioneering spirit, a wealth of ideas and the courage to strike out in new directions,” he said. “I am delighted that we have found a new home for our historical commercial vehicles at our truck and bus plants. These wheeled witnesses to times past represent Daimler Truck’s 125-year history. In the future, they will be located right next to the manufacturing facilities for our future products.”

Mercedes-Benz Museum to remain the venue for the company’s shared history

Until now, the classic vehicles and the archive of Daimler AG have been centrally managed in Stuttgart. After the corporate split, the Group analogue archive for overarching, company-wide topics prior to the separation will remain in Stuttgart along with the archive for cars and vans. The Mercedes-Benz Museum in Stuttgart-Untertürkheim will continue to be the main publicly accessible location for the shared company history including trucks and buses.

Until now, the truck and bus exhibits have been housed at four main locations: the Mercedes-Benz Museum in Untertürkheim, the truck plant in Wörth, and two warehouses near Wörth and Stuttgart. Trucks and buses are also located at various other company facilities and as exhibition loans in a number of international museums.

Collection encompasses historic exhibits, a digital archive and future-oriented concept vehicles

The oldest collector’s item from Daimler Truck is an original Daimler Motor-Lastwagen from 1898. Another highlight is a replica of the first Daimler Motor-Lastwagen from 1896. The fastest exhibit is an Atego racing truck built in 2000. It has 1 500 hp and a top speed of 200 kilometres per hour. In addition to exhibits from the early days of commercial vehicle production, the collection also contains various future-oriented concept vehicles.

Employees from trucks and buses as well as those from cars and vans will continue to be able to use the digital archive in the future, as will historians, media representatives and other interested individuals. The digital collections concerning Daimler history that are of an overarching nature or that cannot be specifically attributed to one or the other company will be accessible through both of the two companies.

Overview of the first batch of transferred vehicles

Along with the archival material, the initial transfer also involved the transport of the following historical commercial vehicles from Stuttgart to Wörth: a Mercedes-Benz O 321 H panorama bus (1962), a Mercedes-Benz L 1500 with a wood gas generator (1937), Unimog 70200 No. 2 (Gebr. Boehringer, 1946), and a Mercedes-Benz OE diesel tractor (1926). These vehicles were transported by two Mercedes-Benz Actros and one Unimog U530 from the current product range of Mercedes-Benz Trucks. They were accompanied by a rally Unimog U400, which had been used as a service vehicle during the Paris-Dakar Rally in 2006.

Note: The Unimog and Actros are featured in Asian Trucker's coffee table book, Iconic Trucks. The website www.iconictrucks.asia has previews and an order form for those that want to add this unique book to their collection. 

Start of Series Production New Generation DAF

DAF is the first truck manufacturer to introduce to the market a completely new generation of trucks that has been developed in line with the new European regulations for truck masses and dimensions.

“DAF is not just the first company to do this but also the only one,” according to DAF president Harry Wolters. “This means that our new trucks for long haulage – the new XF, XG and XG+ – have set a new benchmark for efficiency, safety and driver comfort. These were the main reasons why the European Commission was prepared to give the truck industry literally more room to develop new, optimal cabins. By extending the front by 16 centimetres and paying maximum attention to aerodynamics, we have been able to achieve savings of 10% on fuel consumption and a similar reduction in CO2 emissions.”

All happening at Brainport Eindhoven

The Mayor of Eindhoven, John Jorritsma, revealed his pride at the achievements of ‘his’ city, Eindhoven, the centre of the ‘Brainport Region’. “It’s all happening in Eindhoven. A city of Technology, Design and Knowledge. The fact that today DAF is starting its series production of a new generation of revolutionary trucks – all high-tech products – is all the proof we need.”

The New Generation DAF constitutes a completely new vehicle platform, one that is fully prepared for the alternative battery-electric and hydrogen drivelines of the future that are currently being developed at DAF.

New standard in driver comfort

The first truck in the new generation series was delivered to André Verbeek, managing director/owner of the Dutch firm Verbeek Agra Vision, which specialises in the domestic and international transport of poultry and eggs using a fleet of 30 vehicles, 25 of which are DAFs. The milestone XG+ will be driving for its subsidiary company Hennentransport Hooijer. “In addition to unrivalled reliability and the low costs per kilometre, the superb level of driver comfort is also an important reason for our decision to choose DAF,” explains André Verbeek. “And with the new top model XG+, DAF has once again set a new standard. A very important factor in these times of driver shortages.” 

STD & TRANSPORT

ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาดรอบสามลุกลามเป็นรอบสี่ของประเทศไทย ความหวั่นวิตกทั้งในเรื่องของสาธารณะสุขและเศรษฐกิจก็กลับมาอยู่ในความสนใจมากขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าภาคขนส่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าในหมวดธุรกิจอื่นๆ แต่ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถประมาทได้ การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สองของปีนี้ สัญญานเรื่องการส่งออกของประเทศไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ายังมีข่าวดีให้ชื่นใจบ้าง เมื่อภาคส่งออกกลับมาคึกคัก จากการฟื้นตัวที่เข้มแข็งของจีน และการเริ่มกลับมาของสหรัฐอเมริกาและยุโรป จากวิกฤตโควิด ผู้ส่งออกของไทยจึงมีคำสั่งซื้อจากตลาดโลกเพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้ภาคขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกจึงค่อนข้างจะยุ่งเป็นพิเศษในห้วงเวลานี้ แต่คุณอิทธิพัทธ์ ชัยเลิศพัชรกุล ผู้บริหารของ STD ก็พอจะแบ่งเวลามานั่งคุยกับ Asian Trucker
ย้อนกลับไปเมื่ออดีต
คุณอิทธิพัทธ์ บอกว่างานแรกเริ่มนั้นตนเองเป็นพนักงานอยู่ในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกสินค้าสายเอเย่นต์เรือ งานในส่วนรับผิดชอบที่ทำนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการในการหารถเข้ามาวิ่งขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือ ทำงานมาเป็นระยะเวลาพอสมควร เก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ จนวันหนึ่งมีโอกาสให้ได้ก้าวขยับจากลูกจ้างมาเปิดกิจการของตนเอง จึงลาออกจากบริษัทเดิมที่ทำอยู่มาเปิดบริษัทรับวิ่งขนส่งตู้สินค้าให้กับเอเย่นต์สายเรือ

จากรถหนึ่งคัน
ก้าวแรกเริ่มขับเคลื่อนด้วยรถหนึ่งคัน ค่อยๆ ขยับเติบโตมาเรื่อยตลอดระยะทางในการทำธุรกิจรับจ้างวิ่งขนส่งตู้สินค้าให้กับบริษัทเอเย่นต์สายเรือ ซึ่งมีอยู่หลายบริษัท (ลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ)

แน่นอนไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงยังคงต้องพึ่งพาการขนส่ง เพราะการค้าขายยังคงดำเนินไป การผลิตสินค้านั้นไม่อาจหยุดอยู่กับที่ได้ จำนวนอาจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ และสิ่งที่จะมาสนับสนุนให้รอบการผลิตของการส่งสินค้าเข้าออกดำเนินไปได้คือการขนส่งนั่นเอง ทั้งรับวัตถุดิบบางอย่างที่นำเข้ามาป้อนเข้าโรงงาน ทั้งนำผลผลิตที่ผ่านกระบวนการเรียบร้อยแล้วส่งออกไปยังผู้ว่าจ้าง ผู้สั่งซื้อ

ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมากับธุรกิจขนส่งรับจ้างวิ่งตู้สินค้าให้กับเอเย่นต์สายเรือ STD & Transports เติบโตมาโดยตลอด ภายใต้หลักการและแนวความคิดที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ “ไม่ทำอะไรเกินตัว” การเพิ่มรถนั้นเกิดขึ้นตามงานที่เพิ่มเข้ามาตามความจำเป็นที่ต้องใช้ STD จะไม่ทำอะไรเกินตัวอย่างเด็ดขาด คุณอิทธิพัทธ์กล่าว

ปัจจุบันนอกจาก STD ที่เป็นของคุณอิทธิพัทธ์โดยตรงแล้ว ยังมีอีกบริษัทที่เป็นการหุ้นกันกับมิตรสหายในสายขนส่งด้วยกันคือบริษัท AGT Logistics Thailand ปัจจุบันทั้งสองบริษัทมีรถวิ่งตู้สินค้าร่วมกันอยู่ทั้งหมดประมาณห้าสิบคัน โดยจำนวนรถที่มากกว่าคือบริษัท STD

เส้นทางการวิ่งขนส่งสินค้าของ STD มีเส้นเดียวคือกรุงเทพฯ - แหลมฉบัง - กรุงเทพฯ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มธุรกิจมา กรุงเทพฯ ไปแหลมฉบังประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบห้ากิโลเมตรโดยประมาณ ไปกลับอยู่ที่ประมาณสองร้อยเก้าสิบกิโลเมตร โดยปกติกรถหนึ่งคันจะวิ่งงานวันหนึ่งอยู่ที่สองเที่ยว แต่ก็มีช่วงที่ความต้องการขนส่งมีสูง บางคันจำนวนเที่ยวก็จะสูงกว่าปกติ เมื่อคำณวนดูรายได้ของพนักงานขับรถของ STD แล้วเป็นงานที่มีค่าตอบแทนต่อเดือนดีเลยทีเดียว

เราอยู่ได้เขาอยู่ได้
คุณอิทธิพัทธ์กล่าวว่า ดูแลทีมงานคนขับรถภายใต้หลักสำคัญคือ เราอยู่ได้เขาอยู่ได้ การรับพนักงานขับรถคุณอิทธิพัทธ์เป็นคนสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เพราะทีมคนขับรถ การดูแลบำรุงรักษารถ คุณอิทธิพัทธ์ดูแลบริหารจัดการด้วยตนเองทั้งหมด “เราคุยหลักการของบริษัท แจ้งให้คนขับรับรู้ ถ้าคิดว่ายอมรับได้ สามารถทำได้ มีความสามารถ ก็ตกลงรับเข้าทำงาน แต่เมื่อไหร่ที่ทำผิดไปจากหลักการที่ตกลงกันไว้ก็ต้องยอมรับที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรซับซ้อน”

เนื่องด้วยรถเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานของบริษัท และขับเคลื่อนกิจการของบริษัทอยู่ ด้วยเหตุนี้ STD จึงให้ความสำคัญกับการดูแลบำรุงรักษารถเป็นอย่างยิ่ง รถเก่าบำรุงรักษาให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมอยู่เสมอ ด้วยทีมเซอร์วิสของบริษัทเอง ส่วนรถใหม่ที่อยู่ในประกันดูแลผ่านบริษัทรถที่ซื้อมา แต่ก็มีงานดูแลประจำรอบที่ทางบริษัททำเองด้วยเพื่อให้รถพร้อมสมบูรณ์อยู่เสมอ

“ทุกสิบห้าวัน คนขับต้องนำรถกลับเข้ามาตรวจเช็คทั่วไป เช่น ตรวจลมยาง ดูน้ำกลั่นแบตเตอร์รี่ เบรก” คุณอิทธิพัทธ์เล่าให้ฟังว่าบริษัทมีเบี้ยขยันให้เดือนละหนึ่งพันบาท สำหรับการนำรถกลับมาตรวจเช็ค ใครละเลยก็จะถูกปรับเบี้ยขยัน (ฟังดูเหมือนไม่เยอะแต่หนึ่งปีเป็นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันบาท ถ้าคนขับทำงานกับบริษัทมาสิบปี เขาจะมีเงินสะสมที่ไม่เกี่ยวกับเงินเดือนและค่าวิ่งเที่ยวจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นบาท)

การตรวจเช็คทุกสิบห้าวัน ทำให้ STD สามารถรักษาคุณภาพรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยในการใช้งาน ลดต้นทุนในการบำรุงรักษาลงได้ รวมทั้งลดต้นทุนในการผลิตลงด้วย คุณอิทธิพัทธ์ยกตัวอย่างเรื่องยางให้ฟัง คนขับรถบางคนไม่ได้ตรวจสอบลมยางรถของตัวเองสม่ำเสมอ ไม่ได้ดูเรื่องยางซึม ยางรั่ว การเข้ามาทุกสิบห้าวัน ฝ่ายช่างตรวจเช็คเรื่องลมยาง ใส่ลมในอัตตราที่เหมาะสม ช่วยเรื่องการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน หากพบว่ามียางรั่วก็มีแผนกปะยางเองถูกกว่าปะข้างนอกมากมายหลายเท่าตัว เหล่านี้ทำให้สามารถจัดการเรื่องรถ บริหารต้นทุนในการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แรกเริ่มรถคันแรกคือฮีโน่ ต่อมาผสมผสานระหว่างฮีโน่กับอิซูซุ ในยุคหลังเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกจากยุโรป เพราะมีความคุ้มค่ากว่าในการใช้งาน แต่กับบรรดารถเก่าที่มีอยู่ก็ยังคงใช้งานต่อเนื่อง เพราะ STD ดูแลรถอย่างดี รถญี่ปุ่นเมื่อวิ่งใช้งานถึงประมาณเจ็ดปีก็จะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เพราะสภาพรถโดยรวมยังอยู่ในสภาพดี บำรุงรักษาใช้งานต่อ นี่คือนโยบายที่คุณอิทธิพัทธ์ใช้ การเติมรถใหม่เข้าเป็นการเพิ่มจำนวนรถให้กับบริษัท ในส่วนของรถเก่าคนขับจะได้สัดส่วนของค่าน้ำมันต่อเที่ยวมากกว่ารถใหม่

งานวิ่งตู้สินค้าให้บริการกับเอเย่นต์สายเรือดูเหมือนไม่ซับซ้อน แต่แวดวงนี้ก็ไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้าต้องผ่านการทำงานพิสูจน์คุณภาพ เพราะสินค้าที่อยู่ในตู้มีมูลค่าสูง ต้องขนส่งอย่างระมัดระวัง รถทุกคันที่วิ่งขนส่ง STD ต้องทำประกันสินค้าทุกคัน เพื่อป้องกันความเสียหายที่คาดไม่ถึง ซึ่งเป็นข้อกำหนดอย่างหนึ่งในการวิ่งขนส่งตู้สินค้า “ทำไมรถเก่าจึงไม่ขายออก” เราถามคุณอิทธิพัทธ์ คำอธิบายคือ ถ้าขายออกจำนวนรถในฟลีทก็ลดลง การเติมรถใหม่เพื่อเพิ่มจำนวนรถให้เพียงพอกับงานที่เพิ่มขึ้น สำหรับรถเก่า STD ดูแลอย่างดีอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สามารถวิ่งงานได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้ารถไปต่อไม่ได้หรือไม่คุ้มค่ากับการบำรุงรักษาแล้วก็ขายออก “รถเก่า รถใหม่เราได้ค่าเที่ยวเท่ากัน แต่กับรถใหม่เมื่อออกไปวิ่งงานให้ลูกค้า โดยเฉพาะรถยุโรป นอกจากคุณภาพที่ดี คนขับชอบ ยังได้ในเรื่องของความน่าเชื่อถือที่ลูกค้ามองกลับมาที่เรา เข้าโรงงานต่างๆ เรื่องความปลอดภัยครบตามที่พื้นที่กำหนด เวลาหาคนขับมาทำงานก็หาง่าย” คุณอิทธิพัทธ์กล่าว

ความสำเร็จของ STD เกิดจากการใส่ใจในงานบริการลูกค้าเป็นสำคัญ การขนส่งตู้สินค้าสายเรือ เรื่องเวลาเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ที่ต้องคำนึงถึง เพราะตู้สินค้าเกี่ยวข้องกับการส่งต่อขึ้นเรือ การตรงต่อเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ความปลอดภัยในการขนส่งสำคัญมากเพราะในฐานะผู้ขนส่งแม้ว่าจะไม่รู้ว่าสินค้าในตู้เป็นอะไร แต่ต้องคำนึงไว้ก่อนเลยว่ามีมูลค่าสูง มีความอ่อนไหว (บางทีเป็นอะไหล่รถยนต์, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์) การให้อุบัติเหตุในการทำงานเป็นศูนย์สำคัญอย่างยิ่ง (รถและคนขับจึงมีความสำคัญในการดำเนินการ) ต้องมีคนจัดรถที่เก่งที่จะสามารถบริหารรถให้สอดคล้องกับความต้องการในการใช้รถของลูกค้าได้อย่างดี (เอเย่นต์หรือลูกค้า จะทำหน้าที่บริหารเรื่องตู้ สินค้าเข้าและออก ผู้รับหน้าที่ขนส่งต้องบริหารเรื่องรถให้สอดรับไปกับความต้องการของลูกค้าในการนำตู้เข้าและออก อีกทั้ง STD ไม่ได้รับขนส่งให้เอเย่นต์รายเดียว การบริหารจัดการรถจึงต้องมีประสิทธิภาพ)

คุณอิทธิพัทธ์เล่าให้ฟังว่า พันธมิตรหรือเพื่อนฝูงในแวดวงขนส่งก็สำคัญ นอกจากจะช่วยเหลือกันในเรื่องรถวิ่งงานแล้ว มิตรสหายในแวดวงที่สนิทกัน เวลาจะลงทุนเรื่องเครื่องมือในการทำงานจะบอกกล่าวพูดคุยปรึกษากัน ทำให้สามารถลงทุนหรือจัดหาได้ในราคาที่เหมาะสมกับการดำเนินการทำธุรกิจ เช่นเวลาจะซื้อรถอาจจะซื้อพร้อมกันเมื่อมีจำนวนในการซื้อเยอะก็สามารถต่อรองเรื่องราคาได้ เวลาจะซื้ออะใหล่ก็สั่งพร้อมกัน เช่นในเรื่องยางก็สั่งซื้อเหมาตู้สินค้ามาเลย และมาจัดสรรแบ่งกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้สามารถจัดการเรื่องต้นทุนในการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่นานมานี้ STD เพิ่งรับมอบ MAN TGS 360 คันใหม่เข้าฟลีท นอกจากเพิ่มจำนวนรถให้กับบริษัทแล้ว คุณอิทธิพัทธ์กล่าวว่า เป็นการทดลองนำรถหัวลากจากเยอรมันมาใช้งานดู ซึ่งถ้าทุกอย่างออกมาดี ก็น่าจะมีการเติม MAN เขาฟลีทอีก ผสมผสานกับ Scania ที่มีอยู่เดิมแล้ว

รถจากยุโรปนั้นในเบื้องต้นราคาค่าตัวอาจจะดูแพง ถ้านำเอาไปเปรียบเทียบกับรถจากญี่ปุ่น หรือ จีน แต่ประสิทธิภาพและคุณภาพในการใช้งานนั้นแตกต่างกันมาก เพราะหลังจากที่ STD ได้เริ่มใช้งานรถยุโรปมา ก็พิสูจน์ว่าค่าบำรุงรักษาถูกกว่ากันมาก ระยะบำรุงรักษายาวนานกว่ากัน รถมีเวลาทำงานบนท้องถนนสูงกว่า อีกทั้งคนขับมีความสะดวกสบายกว่าในการใช้งาน ประสิทธิภาพในการทำงานก็สูงกว่า แต่ทั้งนี้นั้นคุณอิทธิพัทธ์กล่าวว่าการลงทุนของคุณอิทธิพัทธ์ เป็นไปด้วยความรอบครอบระมัดระวัง การจะเพิ่มรถนั้นต้องมีงานรองรับ ไม่มีการเพิ่มรถมารองานอย่างเด็ดขาด และต้องมั่นใจในตัวคุณภาพของรถที่จะซื้อมาใช้งาน รวมไปถึงงานบริการหลังการขายด้วยว่าดีจริง

แม้ว่าการใช้งาน MAN จะผ่านไปเพียงสองเดือนเท่านั้น แต่ผลลัพท์จากการใช้งานก็ออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน รวมทั้งความพึงพอใจของคนขับรถ

คุณอิทธิพัทธ์กล่าวว่า ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องประสิทธิภาพและขีดความสามารถของรถ เพราะมิตรสหายที่สนิทสนมใกล้ชิดกันในแวดวงขนส่งก็ใช้ MAN อยู่และได้รับคำแนะนำมา มีข้อมูลการใช้งานที่เป็นข้อเท็จจริง อีกเหตุผลที่สำคัญคือความไว้วางใจในตัวแทนจำหน่ายอย่าง K-MAN Auto Service ที่รู้จักกัน เพราะการซื้อรถมาใช้งานนั้นที่สำคัญที่สุดหลังจากซื้อแล้วคือบริการหลังการขาย ใครจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งตรงส่วนนี้คุณอิทธิพัทธ์บอกว่าสำคัญมาก

สำหรับแวดวงขนส่งตู้สินค้าให้กับเอเย่นต์สายเรือ คุณอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า ตนเองอยู่ในแวดวงนี้มานาน มีความถนัดเข้าใจการขนส่งสายนี้พอสมควร สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ STD ต้องรักษาไว้ คืองานบริการลูกค้า ความซื่อสัตย์ที่มีต่อลูกค้า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในระหว่างขนส่งต้องรีบแจ้งให้ลูกค้ารับรู้ เพื่อร่วมกันวางแผนแก้ปัญหา ทีมงานคนขับต้องมีความละเอียดในการทำงาน คนขับรถของ STD ต้องมีหน้าที่ในการเดินเอกสารที่ไปพร้อมกับตู้ด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความรับผิดชอบที่สำคัญสำหรับคนขับรถสายวิ่งตู้สินค้าให้กับเอเย่นต์เรือ

“STD จะไม่โตแบบเกิดขีดความสามารถของตัวเอง ทุกวันนี้ขนาดของบริษัทกำลังดี ถามว่าเราจะโตกว่านี้อีกไหม ก็ยังตอบไม่ได้ ถ้ามีโอกาสเข้ามาเราก็ขยับขยาย แต่อย่างที่บอกคือเราจะไม่ทำอะไรเกินตัวเรา เพราะทุกวันนี้เราก็ไปได้ดีกับกำลังและขีดความสามารถทั้งรถและทีมงานที่เรามีอยู่” คุณอิทธิพัทธ์กล่าว

Streets for Life Campaign Calls for 30 km/h Urban Streets to Ensure Safe, Healthy, Green and Livable Cities

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

The Global Tyre & Rubber Conference (GTRC) and Vehicle Dynamics Conference (VDC) have been posted to 2022.

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

The Inaugural Middle East Bus Summit

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

TRATON GROUP Records Highest Incoming Orders in a Quarter in the Company’s history in the First Quarter of 2021

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

TTK Mengurangkan Jejak Karbon Dengan Scania Ecolution Melalui Pembelian 10 New Truck Generation

Pengarah Teo Tuan Kwee Sdn Bhd (TTK), Teo Chee Ben (Ben) baru-baru ini menandatangani perjanjian perkongsian Scania Ecolution untuk 10 trak penggerak utama (prime mover) New Truck Generation (NTG) di pejabat cawangannya.

Scania Ecolution merupakan perkongsian antara Scania dan pihak pelanggan dengan tujuan mengurangkan jejak karbon melalui penyelesaian yang menyeluruh. Tujuannya adalah untuk mengurangkan pelepasan Karbon Dioksida (CO2) melalui penggunaan bahan api yang lebih rendah, seterusnya mengurangkan kos operasi. Dalam mencapai matlamat ini, prestasi pemandu dan kenderaan dipantau melalui Scania Fleet Management Control 10 Package, yang akan dianalisis dan dibincangkan secara berkala antara TTK dan Scania supaya penyelesaian yang sesuai dapat dilaksanakan.

“Kami gembira bahawa cara kerja Scania Ecolution yang diperkenalkan oleh Scania untuk pelanggannya akan membantu menjimatkan lebih banyak bahan api dengan meningkatkan standard pemandu kami. Lebih penting, selepas bertahun-tahun, kami akhirnya dapat melakukan sesuatu untuk mengurangkan pelepasan Karbon Dioksida (CO2) dan memainkan peranan dalam mengurangkan perubahan iklim,” kata Ben.

“Kami menggunakan trak Scania sejak tahun 2000 dan kagum dengan prestasinya, terutama dari segi penjimatan bahan api. Kami mula membeli lebih banyak lagi trak Scania pada tahun 2012 dan sehingga kini, armada kami terdiri daripada 100 trak Scania yang dibeli dari Scania Malaysia,” kata Ben.

Setelah menggunakan trak Scania selama dua dekad, TTK mengalu-alukan New Truck Generation Scania yang mempunyai ciri reka bentuk seperti ‘powertrain’ yang canggih serta penyelesaian aerodinamik yang memberikan penjimatan bahan api sebanyak 3%.

Ciri utama lain NTG TTK termasuk reka bentuk dan bahagian depan serta casis baharu untuk dinamik yang lebih baik; penyelenggaraan berdasarkan pengendalian bagi meningkatkan masa operasi dan keuntungan; tempat duduk pemandu yang boleh diselaraskan dengan lebih baik, berhampiran pintu; ruang simpanan yang lebih besar; serta sistem ‘infotainment’ baharu dengan skrin sentuh bersaiz 7”.

Kaca depan yang besar dengan pandangan lebih luas membolehkan pemandu TTK mengendalikan trak dengan selesa dan selamat. Sistem Brek Elektronik (EBS), ‘Opticruise’, dan pembatas kelajuan yang terbina di dalamnya, menjadikan trak penggerak utama Scania antara yang paling selamat di dunia. Semua ciri teknologi canggih membolehkan trak penggerak utama ini berjalan dengan masa operasi yang terbaik.

Sebagai pilihan, beg udara sisi dan tirai berguling dan perencat (retarder) juga tersedia sebagai ciri keselamatan tambahan.

TTK (sebelum ini dikenali sebagai Syarikat Perniagaan dan Perwakilan Pengangkutan Teo) ditubuhkan pada tahun 1992 oleh pengasas Teo Tuan Kwee. Beliau memulakan perniagaan perkhidmatan pengangkutan tanker di jalan raya pada tahun 1978 sehingga kini. Memiliki sejumlah 320 trak pada masa ini, yang mana kebanyakannya merupakan trak Scania, TTK kini diterajui oleh Teo Chee Ben (Ben), anak sulung Teo Tuan Kwee. Beliau dibantu oleh kakak perempuannya, Teo Siew Bee, serta dua adik lelakinya, Teo Chee How dan Teo Chee Siong.

TTK mengkhusus dalam pengangkutan tanker untuk minyak sawit, lori tanker berlesen terikat ke/dari gudang terikat, perkhidmatan pengangkutan kargo jalan raya, pengangkutan kontena, pemuatan kargo profesional, pengedaran dan penyimpanan di gudang, pengurusan dokumentasi pelepasan kastam untuk pengangkutan jalan, udara dan laut, penghantaran kontena bersaiz 20 kaki dan 40 kaki ke seluruh dunia, perkhidmatan pewasapan serta penyewaan tangki minyak kosong untuk jangka pendek dan jangka panjang.

Dengan ibu pejabat dan depot di Batu Pahat, TTK juga mempunyai pejabat cawangan dan dua depot di Masai, dan satu lagi depot di Pasir Gudang.

“Setelah melakukan penyelidikan dan pengembangan selama bertahun-tahun lamanya, Scania mencatat satu lagi pencapaian dengan memperkenalkan New Truck Generation Scania. Melalui perkongsian Scania Ecolution, TTK akan terus maju dalam perniagaan mereka selain menambahkan keuntungan sambil menjaga alam sekitar,” kata Anders Liss, Regional Manager – Region South dan Country Manager - Singapore. 

TTK 为10辆新世代卡车签订SCANIA ECOLUTION以削减碳足迹

张传贵私人有限公司(Teo Tuan Kwee Sdn Bhd,简称TTK)董事张志敏(Ben)最近在分行办事处为旗下十辆新世代Scania牵引车签订Scania Ecolution合作协议。

Scania Ecolution是Scania与客户之间的合作关系,利用全方位解决方案来减少碳足迹。它的目标是减少燃油消耗以降低二氧化碳排放,从而削减营运成本。为实现此目标,驾驶员表现和车辆性能将由Scania 车队控管10配套来监测以及数据分析然后转为报告给TTK和Scania定期商讨,以实行适当的解决方案。

Ben说:“Scania为客户提倡的Scania Ecolution令我们深感满意,其运作方式将提升驾驶员的表现,帮助我们节省更多燃油。更重要的是,这么多年来我们终于可以为减少二氧化碳排放采取实际行动,为缓解气候变化献一份力。”

Ben表示:“我们自2000年起便选用Scania卡车,对其性能很满意,尤其是在节省燃油方面。我们从2012年起开始购买更多Scania卡车,迄今我们已有一百辆Scania卡车,都是向Scania Malaysia全新购买的。”

使用Scania卡车二十年后,TTK乐见Scania推出新世代卡车,因为它的特点如先进动力系统和空气动力解决方案可节省至少3%燃油。

此外,TTK的新世代Scania卡车其它主要特点还包括改良动力学的新设计、前部形状及底盘;按业务制定的维护以提高运转时间和盈利;改良驾驶员座椅调整,同时也靠近车门;扩充存放空间;具备7寸触屏的崭新信息娱乐系统。

视域更广阔的宽大挡风镜方便TTK驾驶员舒适又安全地操纵卡车。车子所具备的电子刹车系统(EBS)、Opticruise和内置限速器使Scania牵引车成了世界最安全的卡车之一。这些先进科技特色保持牵引车达到最高的操作运转时间。

与此同时,侧翻侧帘式安全气囊以及减速器作为Scania卡车的额外安全特点。

TTK(之前为Syarikat Perniagaan dan Perwakilan Pengangkutan Teo)是由创办人张传贵于1992年创立。他从1978年以油罐车运输服务业务起家,迄今拥有320辆卡车车队,其中多数为Scania卡车。TTK如今由张传贵长子张志敏(Ben)掌舵,业务方面有Ben的姐姐张秀美和两名弟弟张志豪与张志祥协助打理。

TTK专门负责棕油运输油罐车、保税仓库的特许保税油罐车、公路货运服务、集装箱拖运、装箱专人、仓储配送和贮存、处理海陆空货运的海关通关文件、20尺和40尺集装箱全球货运、熏蒸服务以及长短期空油罐租赁。

除了驻峇株巴辖的总办事处和车库之外,TTK在马西拥有一间分行办事处和两所车库,而巴西古当则有另一所车库。

Scania南区区域经理兼新加坡全国经理Anders Liss表示:“经过多年的研发,Scania推出新世代Scania卡车,再次捍卫Scania地位。TTK签订Scania Ecolution合作协议必定能在业务上保持领先,增加盈利的同时亦可保护环境。” 

Tyrexpo Asia 2021 goes Hybrid

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALBA W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.

UD Trucks dan TCIE Lancar Trak Euro 5 Tugas Berat Quester dan Tugas Sederhana Croner di Malaysia

UD Trucks dan rakan pengedar tunggalnya di Malaysia, Tan Chong Industrial Equipment Sdn Bhd (TCIE) hari ini melancarkan rangkaian trak Euro 5 yang cukup dikenali iaitu Quester (tugas berat) dan Croner (tugas sederhana). Model naik taraf itu hadir dengan pelbagai ciri yang akan menambah baik aspek tempoh penggunaan, kecekapan dan mengoptimumkan kos keseluruhan pemilikan (Total Cost Ownership) kepada para pemilik trak. Pada masa sama mengurangkan impak kepada alam sekitar.  

Quester dan Croner Euro 5 baharu tersebut ialah model pertama UD Trucks yang direka secara khusus untuk pasaran luar Jepun. Rangkaian model ini telah diperkenalkan di pasaran yang pantas berkembang dan rantau pesat membangun di seluruh dunia. Ini berikutan banyak negara mula menguatkuasakan standard emisi antarabangsa yang lebih ketat dalam usaha mengekang pencemaran serta menambah baik kualiti udara.     

Pelancaran terbaharu ini membuktikan komitmen falsafah Better Life UD Trucks untuk menjadi lebih baik kepada planet, manusia dan pertumbuhan. Falsafah Better Life memacu integrasi dari segi kelestarian yang melibatkan seluruh operasi dan proses syarikat demi mengurangkan kesan ke atas alam sekitar, meningkatkan kepuasan pelanggan, keuntungan lebih tinggi dan mencipta ruang lebih baik kepada orang ramai untuk bekerja dan hidup. 

Pengarah Urusan Hub Malaysia UD Trucks, Steve Hedouin berkata, “Pengenalan model Euro 5 Quester dan Croner merupakan satu evolusi yang signifikan. Ia dipacu oleh matlamat korporat UD Trucks bagi memberikan Better Life menerusi trak yang lebih efisien dan kurang emisi yang diperlukan oleh dunia sekarang untuk masa depan lebih mapan. 

“Dengan masalah pencemaran menjadi salah satu ancaman kesihatan serta sektor pengangkutan berdepan tekanan dari segi alam sekitar dan dunia perniagaan, ini adalah era di mana logistik yang lestari menjadi semakin kritikal. 

“Sebagai salah satu pemain industri, kami perlu menerima dan melakukan perubahan positif untuk mengurangkan emisi serta mengekalkan operasi perniagaan kami. Trak Euro V Quester dan Croner baharu memberi kelebihn kepada pelanggan kerana mereka boleh meningkatkan aktiviti perniagaan masing-masing. Sekali gus mengurangkan impak ke atas alam sekitar dan membuatkan mereka kekal kompetitif.” 

Rangkaian model Euro V baharu menampilkan teknologi Selective Catalytic Reduction (SCR) untuk meningkatkan perlindungan alam sekitar dan menjimatkan bahan api dengan signifikan. Dengan teknologi ini, nitrogen oksida kini 60% lebih kurang dan emisi partikel berkurang sebanyak 80% berbanding tahap Euro III.

 

Jika dibandingkan dengan tahap Euro 4, nitrogen oksida adalah 43% lebih kurang. Bukan itu sahaja, enjin Euro V juga lebih jimat dan rendah emisi CO² berbanding trak Euro III yang sama. 

UD Trucks ialah pengeluar trak pertama yang memperkenalkan teknologi Selective Catalytic Reduction (SCR) sejak tahun 2004. Teknologi itu terbukti boleh dipercayai berbanding teknologi kawalan emisi lain untuk mengurangkan emisi nitrogen oksida.  

Teknologi SCR dapat menjimatkan penggunaan bahan api dan kos pemilikan secara keseluruhan kerana kurang keperluan penyelenggaraan berbanding teknologi kawalan emisi yang ada sekarang. Ia juga menawarkan kuasa dan tork lebih tinggi melalui pembakaran yang optimum tanpa perlu meningkatkan saiz enjin. 

Tempoh operasi perniagaan juga dapat dipertingkat menerusi selang servis lebih baik dan tempoh penyelenggaraan yang lebih singkat. Perkara ini disokong oleh adanya AdBlue, satu bendalir ekzos diesel yang selamat untuk digunakan pada kenderaan dengan teknologi SCR. Ia berfungsi mengurangkan gas-gas berbahaya dilepaskan ke atmosfera dan boleh diperolehi di semua 26 cawangan dan pengedar TCIE di seluruh Malaysia.  

Dengan konfigurasi enjin yang lebih tahan lasak dan kurang sensitif terhadap kandungan sulfur dalam minyak, teknologi SCR menyumbang kepada jangka hayat enjin yang lebih lama serta mengurangkan pencemaran alam.  

Selain menampilkan sistem Euro 5 dengan teknologi SCR, rangkaian baharu trak Quester dan Croner juga hadir dengan kluster instrumen baharu bersama tips penjimatan bahan api pada masa sebenar. Ciri ini memberikan maklum balas yang spesifik dan segera mengenai teknik pemanduan yang lebih menjimatkan minyak kepada pemandu. 

Ketua Pegawai Operasi TCIE, Say Teck Ming berkata, “Penawaran rangkaian trak Euro 5 baharu membuktikan komitmen TCIE dan UD Trucks dalam menyokong agenda alam sekitar, sosial dan tadbir urus di Malaysia. Ia juga memenuhi keperluan syarikat pengendali pengangkutan moden dalam persekitaran dunia yang kian berubah. 

“Melalui kekuatan TCIE, trak Euro V Quester dan Croner baharu akan dihasilkan secara CKD di kemudahan pengilangan kami. Dengan rangkaian pengedar dan servis di seluruh negara, kami teruja serta bersedia untuk membantu pelanggan untuk menukar kenderaan mereka kepada trak Euro V Quester dan Croner yang lebih bersih dan efisien. 

“Rangkaian trak Euro V menawarkan segala kelebihan bagi membantu para pelanggan kami menuju jauh dengan lebih efisien dan bertanggungjawab. Pada masa sama mengekalkan segala kelebihan sedia ada yang ditawarkan oleh trak Quester dan Croner.” 

Quester menggabungkan aspek penjimatan dan ketahanan luar biasa, selain ketersambungan dan persediaan perniagaan melalui ciri UD Telematics serta keselamatan dengan pelbagai ciri termasuklah transmisi automatik manual ESCOT. 

Croner pula menawarkan ketahanan dan versatiliti menerusi rangkaian model yang luas serta boleh diubah suai bagi memenuhi pelbagai aplikasi spesifik. Ia juga menjimatkan minyak dengan reka bentuk kabin aerodinamik yang mengurangkan tahap pekali seretan serta menggunakan transmisi automatik Allison. Ruang kabinnya sangat ergonomik, luas dan selesa untuk pemandu. 

UD Trucks Kicks off Global Launch of New Euro V Truck Range

UD Trucks today unveiled a new Euro V range for the well-established Quester (heavy-duty) and Croner (medium-duty) trucks. The upgrade also boasts enhanced features that will improve uptime, enhance efficiency, and optimise Total Cost of Ownership (TCO), all while lowering the vehicle’s environmental impact and retaining benefits from previous models.

The new Euro V range will be introduced in fast-growing and emerging regions around the world that are moving to adopt more stringent international emission standards in a bid to cut pollution and improve air quality. In most markets, UD Trucks’ new Euro V range will be introduced ahead of these regulations to better prepare businesses for the switch to a cleaner fleet.

This latest launch bolsters UD Trucks’ Better Life purpose – to be better for logistics, the planet, people, and business. Better Life drives the integration of sustainability across all of the company’s operations and processes to realise lower environmental impact, higher customer satisfaction, higher profitability, and a better place for people to work and live.

Jacques Michel, UD Trucks International Sales, Senior Vice President, said “In today’s world, sustainability is more important than ever. COVID-19 is also placing more emphasis on a more sustainable approach to driving a post-pandemic recovery. Modern and efficient logistics is vital to keep the world moving in these fast-evolving times, and our latest launch will ensure greater resilience for businesses while ensuring environmental impacts are minimised.”

Ensuring businesses stay competitive in a rapidly changing world with Euro V

Air pollution is one of the largest health threats facing the world today. According to the International Energy Agency (IEA) global energy review 2021, global energy carbon emissions are projected to rebound in the post-COVID era to grow by 4.8 percent. This would represent the largest single increase in over a decade. Emissions from transportation alone are at risk of increasing global emission levels by over 1.5 percent.

Moving towards cleaner fleets is imperative. Euro V reduces NOx emissions by about 43 percent compared to Euro IV and significantly reduces the carbon footprint of the vehicle through cleaner emissions.

As the first truck manufacturer to introduce Selective Catalytic Reduction (SCR) technology in 2004, UD Trucks’ new Euro V range features SCR technology to significantly boost environmental protection and fuel economy. With these benefits, SCR technology is proven to be more reliable when compared to other emission control technologies for reducing NOx emissions. 

Aside from featuring a Euro V system with SCR technology, the new range of Quester and Croner also features a new instrument cluster with real-time fuel coaching. This enhancement provides drivers with immediate and specific feedback on driving techniques that are more fuel efficient. 

The new Euro V range of heavy-duty Quester and medium-duty Croner will be rolled out in key growth markets – across Southeast Asia, Middle East, Africa, and Latin America – from October 2021 onwards.