บ.พงษ์ระวี จำกัด รับมอบรถหัวลากสแกนเนีย 21 คันเข้าประจำฟลีท
บ.พงษ์ระวี จำกัด
จากปี 2532 จนถึงปัจจุบัน บริษัทพงษ์ระวีโลดแล่นอยู่ในแวดวงขนส่งวัตถุอันตรายมาเป็นเวลาสามสิบกว่าปีแล้ว เติบโต พัฒนามาตลอดการเดินทาง ปัจจุบันบริษัทพงษ์ระวีอยู่ในแถวหน้าของผู้ให้บริการขนส่งวัตถุอันตราย โดยเฉพาะในสายงานวิ่งขนส่งน้ำมันกับบริษัทน้ำมันชั้นนำของโลกอย่าง Shell และ Esso ซึ่งมีมาตรฐานในการคัดเลือกผู้ร่วมดำเนินการสูง พงษ์ระวีได้รับการยอมรับในมาตรฐานและได้รับการเลือกใช้บริการมาอย่างยาวนานต่อเนื่องจนกระทั่งปัจจุบัน
เมื่อได้มีโอกาสสนทนากับสองผู้บริหารจากพงษ์ระวี คือคุณสุรศักดิ์ บุญรอด (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) และคุณสมพรชัย โสภาธรรม (ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ) ทำให้เราได้เข้าใจว่าเหตุใดพงษ์ระวีจึงสามารถเติบโตในสายธุรกิจการขนส่งวัตถุอันตรายมาอยู่ในแถวหน้าได้อย่างยั่งยืน
ทุกวันนี้การแข่งขันในธุรกิจขนส่งสูงแทบจะทุกหมวดหมู่ของการขนส่ง การขนส่งวัตถุอันตรายโดยเฉพาะน้ำมันนอกจากต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันแล้ว ยังอยู่ในช่วงรอยต่อที่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านพลังงานของโลก ที่เริ่มหันเหความสนใจไปยังพลังงานทางเลือก อันเนื่องมาจากปัจจัยหลักสำคัญ อาทิ สิ่งแวดล้อม ราคาพลังงานน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น คุณสมพรชัยกล่าวว่า ธุรกิจขนส่งน้ำมัน เราต้องยอมรับความจริงว่าอยู่ในช่วง Sun Set
แต่ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจการขนส่งน้ำมันจะไปต่อไม่ได้ มันเลยยุครุ่งเรืองมาแล้ว แต่ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้คุณสมพรชัยมองว่าทำให้เกิดโอกาสมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็น และมีศักยภาพที่จะทำได้หรือไม่ พงษ์ระวี ยังมองเห็นโอกาส ที่สำคัญยังพัฒนาองค์กรให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตต่อไปในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันที่มาจากทั่วทุกทิศทาง
ย้อนกลับไปในยุคเริ่มต้นของพงษ์ระวี ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือหลังจากที่บริษัทรับงานโดยเข้าไปวิ่งงานต่อจากบริษัทที่รับงานมาโดยตรงจากบริษัทน้ำมัน สู่การเป็นผู้รับสัญญาวิ่งงานเองที่ Esso ซึ่งเกิดจากการเห็นการทำงานที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพของพงษ์ระวี การได้ร่วมงานกับ Esso ทำให้ได้เห็นและเรียนรู้ระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานแบบอเมริกัน
คุณสมพรชัยกล่าวว่า พงษ์ระวีไม่เคยมองว่า ข้อกำหนดต่างๆ ที่ลูกค้าตั้งไว้เป็นความยุ่งยากในการทำงาน แต่เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรได้เรียนรู้ รวมทั้งพัฒนาตนเองไปในตัว จาก Esso สู่ Shell พงษ์ระวีมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ Shell ในห้วงเวลาที่ Shell มีการปรับเปลี่ยนสำคัญที่ต้องการจะพัฒนาผู้รับเหมาที่ดำเนินการขนส่งให้ Shell พัฒนาไปสู่ผู้รับเหมามืออาชีพ ตามมาตรฐานของ Shell ที่ใช้เป็น Standrad ทั่วโลก ในขณะนั้น Shell ได้แนะนำระบบบริหารแบบ International ให้กับพงษ์ระวี ทำให้ได้พัฒนาทรัพยากรบุคคล ทีมงานของบริษัทให้ก้าวหน้ามีขีดความสามารถขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ในธุรกิจการขนส่งน้ำมัน พงษ์ระวีมิได้จำกัดการให้บริการอยู่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังให้บริการขนส่งข้ามแดนไปยังลาวและพม่าด้วย
ผู้ที่อยู่ในธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายสายน้ำมันย่อมรู้ดีว่าปัจจุบันการจะเข้าไปเป็นผู้รับเหมาให้กับบริษัทน้ำมันชั้นนำของโลกและของประเทศไทยนั้นมีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่ละเอียดและสูง
พงษ์ระวีเปิดกว้างรับทุกโอกาสที่เข้ามา ทั้งคุณสรุศักดิ์และคุณสมพรชัยกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า พงษ์ระวีนั้นไม่เคยจำกัดตัวเองอยู่เฉพาะการขนส่งน้ำมันเท่านั้น “งานวิ่งของยาก ของอันตราย ตลาดรับรู้เป็นอย่างดีว่าพงษ์ระวีมีความเชี่ยวชาญ ด้วยระบบ ด้วยทีมงาน ประสบการณ์ แต่สำหรับงานขนส่งประเภทอื่นๆ รวมทั้งงานในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งพงษ์ระวีเปิดกว้างหมด เรามีความพร้อมที่จะเข้าไปศึกษา รับรู้ เพื่อลงมือทำ” คุณสุรศักดิ์กล่าว
ปัจจุบันงานขนส่งของพงษ์ระวี หลักคือการขนส่งน้ำมัน ขนส่งวัตถุระเบิด และขนส่งรถยนต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนไม่มาก ในอนาคตพงษ์ระวีมองถึงการขยายสัดส่วนการขนส่งประเภทอื่นที่ไม่ใช่วัตถุอันตรายให้เพิ่มมากขึ้น
องค์กรที่มีชีวิตชีวา ทีมงานจะพัฒนาขีดสามารถได้ จำเป็นที่จะต้องมีกิจกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องให้ได้ทำงาน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการพัฒนาตนเอง เมื่อได้ยินคุณสมพรชัย กล่าวคำว่า องค์กรที่มีชีวิตชีวา อดไม่ได้ที่จะต้องให้คุณสมพรชัยอธิบายให้ฟัง “การสร้างสรรค์ให้ทรัพยาบุคคลของบริษัทตื่นตัวอยู่เสมอเป็นเรื่องจำเป็น ทำให้ทุกคน Active อยู่เสมอสำคัญ ทีมงานของพงษ์ระวี ไม่ใช่เพิ่งเริ่มสร้างกันในวันนี้ หากทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นของบริษัท ทุกแผนกต้องทำงานอย่างมีความสุข สนุกกับงานที่ได้ทำ คิดถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ นี่คือสิ่งที่อยู่ในดีเอ็นเอของทีมงานพงษ์ระวี”
คนขับรถคือทรัพยากรที่สำคัญ แนวความคิดในการบริหารจัดการของพงษ์ระวี ที่กล่าวสั้นๆ ให้เข้าใจได้ง่ายๆ คือ ธุรกิจไปได้ ลูกค้าไปได้ และคนขับไปได้
สำหรับคนขับรถนั้นทุกคนต้องได้รับการดูแลอย่างดี นั่นคือค่าตอบแทนเหมาะสมให้สามารถดำรงชีวิตได้ โดยหลักการของพงษ์ระวี คนขับไม่ติดรถ หมุนเวียนใช้งานรถ ตามรูปแบบ เส้นทางการขนส่ง ยกเว้นบางสัญญาจ้างหรือบางโปรเจคที่ต้องมีการให้ประจำรถ ด้วยเหตุนี้คนขับรถของพงษ์ระวีจะได้รับการพัฒนาขีดความสามารถให้เท่าเทียมกัน มีความชำนาญ พร้อมสำหรับเครื่องมือทุกประเภทที่บริษัทใช้งาน
คุณสมพรชัยยังกล่าวว่าแต่ละสาขาของพงษ์ระวีที่กระจายตัวอยู่ในแต่ละพื้นที่นั้น บริษัทพิจารณาเรื่องอื่นที่แวดล้อมอยู่ด้วยในการเพิ่มเติมเบี้ยพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับการดำรงชีพ โดยแต่ละสาขาก็จะแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ความห่างไกลจากชุมชน หรือแม้แต่ค่าครองชีพของแต่ละจังหวัดที่ไม่เท่ากัน
นอกจากทักษะที่คนขับพัฒนาขึ้นจากระบบที่บริษัทมีให้แล้ว ทีมคนขับยังได้ผ่านการอบรมอื่นๆ เพิ่มเติมจากลูกค้าที่พงษ์ระวีไปทำงานด้วยเช่นกัน รวมทั้งจากบริษัทรถที่เป็นคู่ค้ากับทางพงษ์ระวี เช่น สแกนเนีย สิ่งที่พงษ์ระวีเน้นย้ำสำคัญสำหรับคนขับรถคือเรื่องของวินัยในการทำงาน การทำงานเป็นทีม และแน่นอนคิดถึงส่วนรวมเป็นสำคัญ
ล่าสุดพงษ์ระวีได้เติมรถหัวลากใหม่เข้าสู่ฟลีทจำนวนยี่สิบกว่าคัน เป็นรถสแกนเนียหัวลาก P410 6x2 ช่วงล่างถุงลม หัวเก๋งแบบ Day Cab นอกจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อุปกรณ์เรื่อง Safety ที่ติดตั้งมากับรถในแบบ Full option ADR เต็มระบบ ยังเติมเสริมเข้าไปอีก อาทิ เรื่องกล้อง อุปกรณ์ตรวจจับป้องกันการหลับในของคนขับ
หัวเก๋ง Day Cab เป็นรูปแบบห้องโดยสารที่มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์สูงสุดของการใช้งานเป็นหลัก P410 Day Cab จึงเปรียบเสมือนหนุ่มนักกีฬาวิ่งระยะไกลที่หุ่นเพรียวมีแต่กล้ามเนื้อที่แข็งแรง ไม่มีน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็น เพื่อประสิทธิภาพในการเคลื่อนที่สูงสุด
ย้อนกลับไปในราวปี 2008 เป็นครั้งแรกที่พงษ์ระวีตัดสินใจที่จะจัดซื้อยุโรเปี้ยน ทรัคส์ เข้ามาใช้งานในฟลีท เพื่อขนส่งสินค้าตามสัญญาจ้างงานให้กับลูกค้า คุณสุรศักดิ์ย้อนความให้ฟังว่า ตอนนั้นก็มีความกังวลพอสมควรเพราะไม่มีประสบการณ์กับรถยุโรปเลย แต่จากการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านจนในที่สุดตัดสินใจเลือกแบรนด์สแกนเนีย ตอนนั้นเป็นการลงทุนฟลีทใหญ่ จำนวนสามสิบกว่าคัน รถสแกนเนียได้แสดงประสิทธิภาพที่โดดเด่นรอบด้านจากการใช้งาน ทุกวันนี้สแกนเนียฝูงดังกล่าวก็ยังคงใช้งานวิ่งขนส่งสินค้าให้กับพงษ์ระวี มีระยะวิ่งรวมผ่านหนึ่งล้านกิโลเมตรไปสู่สองล้านกิโลเมตรแล้ว
คุณสมพรชัยยังเพิ่มเติมให้ฟังว่า เครื่องยนต์แม้วิ่งไปไกลขนาดนั้น แต่เมื่อนำมาทดสอบดูประจุอัดพลังงานก็ยังพบว่ายังเต็มเปี่ยมไม่แตกต่างจากที่ตรวจเช็คกันในช่วงแรกๆ
มากกว่าคุณภาพของตัวรถ ระหว่างพงษ์ระวีและสแกนเนีย ทั้งสองบริษัทยังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ตลอดมา ทั้งในส่วนของฝ่ายขาย ฝ่ายบริการ โดยเฉพาะฝ่ายบริการ ข้อมูลในการบำรุงรักษานั้นทำงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้รถสแกนเนียทุกคันมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับการทำงาน Uptime ได้อย่างมีคุณภาพ
คุณสมพรชัยกล่าวว่า การลงทุนรอบใหม่กับรถโฉมใหม่ ยิ่งเป็นการทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ในการมองหา Solution ต่างๆ ทั้งในส่วนของตัวรถ สัญญาบริการต่างๆ รวมไปถึงโปรแกรมพัฒนาต่างๆ ที่จะช่วยให้การใช้งาน การดูแลรถนั้นมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน จนนำมาสู่รุ่นรถ ลักษณะของตัวรถ ที่ปรับแต่งตรงตามความต้องการในการใช้งานของทางพงษ์ระวี การได้สัญญาบริการที่ออกแบบมาสอดรับกับการดำเนินการทั้งเรื่องทุน การใช้รถ บำรุงรักษา ทำให้ทางพงษ์ระวีสามารถมุ่งความสนใจไปที่การใช้งานรถอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่นๆ เลย
แม้ว่าจะมีเวลาสนทนากันไม่มาก แต่ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าการจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจขนส่งในตลาดที่พงษ์ระวีเป็นส่วนหนึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โจทย์ที่ท้าทายปรากฏตัวทักทายอยู่ในทุกๆ ขณะของการก้าวเดิน ด้วยเหตุนี้การพัฒนาองค์กร บุคคลากรของบริษัทให้ตื่นตัว พร้อมรับมือกับทุกงานที่เข้ามา ทำงานด้วยกันเป็นทีม มุ่งสู่เป้าหมายของส่วนรวมเป็นสำคัญ แน่นอนว่าแต่ละองค์กรย่อมมีคู่มือในการทำงาน การบริหารงานที่แตกต่างกันไป การจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องลงมือทำงานอย่างจริงจัง และที่สำคัญต้องมีพาร์ทเนอร์ มีคู่ค้าที่ดีที่จะช่วยเหลือกันในการสร้างสรรค์ธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เช่น ความเป็นพันธมิตรกันระหว่าง พงษ์ระวี และ สแกนเนีย สยาม ที่ดำเนินมาเป็นเวลายาวนาน มิได้จำกัดอยู่แค่เพียงการซื้อขายรถ แต่ยังลึกไปถึงการดูแล การสนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและกัน ข้อมูลการใช้รถถูกนำมาวิเตราะห์ปรับปรุง เพื่อทำให้การใช้รถนั้นเกิดความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงสุด สแกนเนียเองก็ได้รับประโยชน์จากข้อมูลของรถที่ส่งกลับมาเพื่อนำไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคต