รถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า Thai EV
รถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดย THAI EV /
เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า อีกทางเลือกของการขนส่ง ภาคขนส่ง
เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผนวกเข้ากับการเติบโตขึ้นของยานยนต์ไฟฟ้า มีผู้ทำตลาดในประเทศไทย โดยนำเข้ายานยนต์เชิงพาณิชย์จากจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหลายเจ้า รวมทั้งกระแสเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กำลังโอบล้อมเข้ามาจากเรื่องของภาวะโลกร้อน ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งหลายรายเริ่มทำความเข้าใจกับยานยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น
ยานยนต์พลังงานทางเลือกอย่างไฟฟ้า เริ่มต้นพัฒนามายาวนานในยุโรปและอเมริกา โดยเฉพาะยุโรปเป้าหมายหลักที่สำคัญในเบื้องต้นคือการลดการปล่อยของเสียในเขตเมืองเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ยานยนต์เชิงพาณิชย์อย่างบัสที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อการขนส่งมวลชนตามเมืองต่างๆ ในยุโรปเริ่มทยอยปรับเปลี่ยน ค่อยๆ เติมบัสไฟฟ้าเข้าไปในระบบ ปลดเครื่องยนต์สันดาปออก รวมไปถึงรถบรรทุกที่ใช้งานในเขตเมืองด้วยเช่นกัน (สำหรับมลภาวะจากเครื่องยนต์สันดาปนั้น ในยุโรป มีมาตรฐานเครื่องยนต์ยูโร 6 ซึ่งการปล่อยของเสียนั้นทำได้ดีกว่าของไทยที่ส่วนมากยังอยู่ที่มาตรฐานยูโร 3 ซึ่งปัจจุบันนับว่าต่ำ)
อย่างที่เรารับรู้ ในเขตเมืองนั้น การจราจรหนาแน่น รถเคลื่อนตัวไม่ต่อเนื่อง มีการหยุดรถบ่อยครั้ง แต่เครื่องยนต์ไม่หยุด ในเมืองมีตัวอาคารที่จะคอยกักอากาศไว้ ทำให้การระบายของเสียจากเครื่องยนต์ออกจากพื้นที่ไม่รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ในเขตเมืองจึงมีอากาศที่ไม่สะอาด ยานยนต์ที่เคลื่อนที่อยู่ในเขตเมืองจึงเหมาะกับระบบการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามากที่สุด (มีระยะการวิ่งในแต่ละวันไม่มาก 100 - 300 กิโลเมตรต่อวัน)
สำหรับการขนส่งทางไกลนั้นเครื่องยนต์สันดาปยังคงสามารถใช้งานได้ดี การก่อมลพิษในอากาศที่จะกระทบกับผู้คน ชุมชนที่อยู่อาศัยมีน้อย น้ำหนักบรรทุก ความสะดวกในการใช้งานการเติมเชื้อเพลิงมีมากกว่า
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามองไปที่การพัฒนายานยนต์เพื่อการพาณิชย์ในยุโรปเราจะเห็นรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจน สำหรับในเขตเมืองมุ่งเน้นไปที่ไฟฟ้า (และกำลังมุ่งพัฒนาพลังงานแบบไฮโดรเจนสำหรับการวิ่งทางไกล และขนส่งหนัก ซึ่งไฮโดรเจนเป็นพลังงานทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีความสะอาดและให้พลังงานได้มากกว่าระบบไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่)
ปัจจุบันประเทศจีนมีความก้าวหน้าเรื่องยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล และ รถเชิงพาณิชย์ เมื่อจีนพัฒนาบนพื้นฐานที่มีผู้ใช้งานภายในประเทศจำนวนมากความเติบโตจึงรวดเร็ว จนขยับขยายสู่การส่งออก อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีนก้าวหน้าเป็นอย่างมากในปัจจุบันจากการสนับสนุนของรัฐบาล ปัจจุบันจีนมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 200 ราย ที่สำคัญจีนกำลังเร่งขีดความสามารถเพื่อที่จะก้าวเป็นผู้นำในการผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วย
บริษัทในประเทศไทยที่มีรถเชิงพาณิชย์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทำตลาดในปัจจุบันล้วนเป็นโปรดักซ์จากจีนทั้งหมด แต่ละบริษัทมีรายละเอียด การเลือกนำเข้าตัวรถแตกต่างกันไป แน่นอนมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างกัน
Asian Trucker ได้รับโอกาสจาก Thai EV หนึ่งในผู้จำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแถวหน้าของประเทศไทยรายหนึ่ง คุณภานุวัฒน์ ภาวะภูตานนท์ (Vice president of Sale and Marketing) เปิดโอกาสให้ Asian Trucker ได้สนทนาด้วย
คุณภานุวัฒน์ กล่าวกับเราว่า ความแตกต่างของ Thai EV กับเจ้าอื่นๆ ในตลาดที่ชัดเจนคือ Thai EV มีโปรดักซ์รถเพื่อการพาณิชย์ในเชิงขนส่งหลากหลายตั้งแต่รถแวน บัส ไปจนถึงรถบรรทุก ที่สำคัญคือมีความรู้และเชี่ยวชาญจริง เพราะผู้ก่อตั้ง ผู้บริหารเป็นสายวิศวกรโดยตรง ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า
เมื่อเป็นเช่นนั้น Thai Ev จึงสามารถคัดเลือกสินค้าที่จะมาทำตลาดได้ตรงตามเป้าหมายการใช้งานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำตลาดในเบื้องต้นที่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถเชิงพาณิชย์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของลูกค้ายังไม่ลึกเพียงพอ เพราะยังไม่มีข้อมูลจากการใช้งาน Thai EV จึงมีบริษัทลูกที่รับงานขนส่งด้วยรถไฟฟ้าให้กับฟลีทของลูกค้าก่อน ดำเนินการคล้ายการเช่ารถเพื่อวิ่งขนส่งสินค้าด้วยรถไฟฟ้า พร้อมกับส่งมอบข้อมูลการใช้งานด้วยรถไฟฟ้าให้กับลูกค้า เพื่อจะได้เห็นต้นทุนการใช้งาน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วลูกค้าจะเห็นถึงความคุ้มค่าที่จะปรับเปลี่ยน หรือแม้แต่ผสมผสานการใช้งานของรถให้เกิดประสิทธิภาพและเหมาะต่อการใช้งาน รวมทั้งลูกค้าที่มีความพร้อมจะปรับเปลี่ยนและลงทุนด้วยการซื้อรถไปใช้งาน พร้อมๆ กันนั้น Thai EV ได้ลงทุนในเรื่องของภาคการสนับสนุนการใช้งานรถไฟฟ้า นั่นคือการสร้างสถานีจ่ายไฟฟ้ากระจายตามเส้นทางขนส่ง การลงทุนทำศูนย์เรียนรู้เรื่องการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ที่สำนักงานใหญ่บริเวณถนนบางนา - ตราด
โปรดักซ์ที่ได้รับความสนใจของ Thai EV น่าจะเป็นรถหกล้อ น้ำหนักบรรทุก 15 ตัน มีระยะทำการเมื่อชาร์ตแบตเตอรี่เต็มประจุอยู่ที่ 250 - 280 กิโลเมตร โดยใช้เวลาในการเติมแบตเต็มประจุอยู่ที่หนึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ปัจจุบัน Thai EV มีลูกค้าอยู่หลายเจ้า ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ที่ใช้งานรถไฟ้ฟ้าเพื่อการพาณิชย์ของ Thai EV อยู่ รวมไปถึงลูกค้าที่ให้ความสนใจอีกจำนวนไม่น้อย คุณภานุวัฒน์ กล่าวว่าตลาดในปัจจุบันลูกค้าเริ่มหันมาให้ความสนใจ มากขึ้น เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการแข่งขันกัน Thai EV มีความพร้อม โปรดักซ์ที่ Thai EV นำเข้ามาทำตลาดโดดเด่นในหลากหลายด้าน
แม้จะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าเหมือนกัน แต่เมื่อลงรายละเอียดแล้วมีความแตกต่างกัน เราได้รับฟังถึงการวางรากฐานต่างๆ ร่วมไปกับการทำการตลาดของ Thai EV ทำให้มองเห็นว่าตลาดกลุ่มผู้ใช้งานในอนาคตน่าจะเติบโตขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย นอกเหนือจากผลกระทบจากเรื่องค่าเชื้อเพลิงที่ขยับตัวสูงขึ้น เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่จะเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ ที่สำคัญแนวทางในการทำงานตลาดนั้นชัดเจน มีการสร้างรากฐานเรื่องการให้บริการที่ชัดเจน ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า การใช้รถเพื่อการพาณิชย์ด้วยรูปแบบเครื่องยนต์ไฟฟ้านั้น ต้องเขาใจในมิติของพลังงานทางเลือกคือไฟฟ้า เข้าใจศักยภาพ เข้าใจขีดความสามารถของพลังงานจากแบตเตอร์รี่ และการคืนทุนจากการใช้งานนั้นไม่ทันทีทันใด และการลงทุนเบื้องต้นนั้นสูงพอสมควร ด้วยเหตุนี้ไม่ใช่ทุกการขนส่งจะเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หากอยากอัดประจุเร็วต้องใช้แบตเตอร์รี่ที่ดีแน่นอนมาพร้อมราคาที่สูงขึ้น ต้องตั้งสถานีจ่ายไฟที่มีขีดความสามารถต้องลงทุน ระยะทางที่แบตเตอร์รี่ปกติวิ่งได้มีระยะทำการไม่เกิน 300 กิโลเมตร ต่อการอัดประจุเต็ม แน่นอนผันแปรไปตามการใช้งาน เส้นทาง น้ำหนักที่บรรทุก
ในมุมมองของ Asian Trucker การขนส่งในเขตเมืองไฟฟ้ามีความเหมาะสม เมืองใหญ่ไปเมืองบริวารโดยรอบ เช่น กทม.ไปนครปฐม ไปราชบุรี หรือ ต่างจังหวัดจากในตัวเมืองกระจายสินค้าไปตามอำเภอต่างๆ ภายในจังหวัด แต่หากวิ่งขนส่งทางไกล บรรทุกน้ำหนักมาก เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์สันดาป นอกไปจากนั้นการขนส่งที่วิ่งอยู่ในขอบเขตพื้นที่เดิม เส้นทางเดิม เช่นการขนส่งในนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือ เหมือง มีความเหมาะสมที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการจะวางแผน และแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของผู้ขายที่จะต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจากการได้นั่งสนทนา ตั้งคำถามที่อยากรู้กับคุณภานุวัฒน์ เราพบว่า Thai EV มีความชัดเจน มีผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริง มีคำแนะนำที่ชัดเจนถูกต้อง
ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งในอนาคต ต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างไม่ต้องสงสัย การลงทุนในอนาคตของภาคขนส่งในเขตเมืองต้องมุ่งไปที่ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การเริ่มทำความรู้จัก การหาข้อมูล การเริ่มทดลองใช้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนส่ง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลต่างๆ ไปทำการบ้านเพื่อที่จะหาจุดสมดุลของการลงทุนที่เหมาะสมได้ในการปรับฟลีทจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ไฟฟ้า
ตอนนี้งานทางด้านการตลาดที่สำคัญอย่างหนึ่งของ Thai EV คือการให้ชุดข้อมูลความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องกับลูกค้า นำสินค้าไปให้ลูกค้าได้ลองใช้งาน รวมทั้งการที่ Thai EV สร้างบริบทโดยรอบรองรับไว้ชัดเจน ทั้งบริษัทที่ให้บริการขนส่งด้วยรถไฟฟ้าอย่าง ITL, บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับแบตเตอร์รี่ สร้างสถานีจ่ายพลังงานซึ่งกระบวนการต่างๆ นี้ดำเนินต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างยิ่ง
ถัดจากนี้ไปต้องติดตามกันดูต่อไปว่า การเดินทางหน้าทางการตลาดกันอย่างเต็มกำลังของผู้จำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะเติบโตไปข้างหน้าได้ดีแค่ไหน ในท่ามกลางสถานการณ์ราคาพลังงาน เงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและโลก