Skip to main content

News in:  BM | TH | CN

FUSO - Challenge the Impossible

DCVT หรือ เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำการรับรู้ให้กับตลาด คู่ค้า และลูกค้า ว่า FUSO จริงจังกับตลาดประเทศไทย นอกจากการเปิดตัวรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์สำหรับงานก่อสร้างตัวจริง FJ 2528C ยังได้นำเสนอความพร้อมในทุกๆ ด้านของ FUSO ตั้งแต่ตัวแทนจำหน่าย ไปจนถึงบริการหลังการขายในทุกๆ ด้าน ที่ FUSO เรียกว่า One Stop Solution Service ที่รวบรวมทุกบริการไว้ในที่เดียว อาทิ FUSO Leasing, FUSO Protection, FUSO Service, FUSO Drive.


ในงาน DCVT ยังได้จัด Work Shop ให้กับดีลเลอร์ของ FUSO ที่มีผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ได้เข้าร่วม work shop ที่ FUSO จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด Fuso Move workshop  เพื่อให้เข้าใจถึงบริษัท DCVT และผลิตภัณฑ์ FUSO เพื่อที่จะสามารถดำเนินการและสร้างสรรค์ธุรกิจ ไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน  เพื่อสนับสนุนลูกค้าของ FUSO ให้ได้รับทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดีและบริการที่เป็นเลิศ

FUSO เติบโตมาจนถึงปัจจุบันมีอายุ 86 ปีแล้ว เป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั่วโลก สำหรับประเทศไทย Logo FUSO ใหม่คือสัญลักษณ์ของรถบรรทุก FUSO สายพันธ์ใหม่ที่จำหน่ายในประเทศไทย

สำหรับลูกค้าที่มาร่วมงานนอกจากได้รับรู้ ทำความเข้าใจกับความพร้อมในด้านต่างๆ ของ FUSO ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ อะไหล่ งานบริการต่างๆ ยังได้มีโอกาสสัมผัสกับทุกผลิตภัณฑ์ของ FUSO ที่จำหน่ายในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์จริงในการทดสอบขับขี่ในสนามที่ FUSO สร้างสรรค์ขึ้น ซึ่งสามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานจริงให้กับลูกค้าของ FUSO ได้เป็นอย่างดี

FUSO ลงทุน 450 ล้านบาทสร้างโรงงานประกอบรถในประเทศไทย

และครั้งล่าสุดนี้ในการประชุมใหญ่มิตซูบิชิ ฟูโซ่ ของตัวแทนจากทั่วภูมิภาคเอเซีย จัดขึ้นที่ประเทศไทย เดมเลอร์ได้ประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับ DCVT และ FUSO สำหรับตลาดประเทศไทยอีกก้าวหนึ่ง

ไมเคิล เคมเปอร์ รองประธานอาวุโส หัวหน้าฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการลูกค้ารถบรรทุกในภูมิภาคเอเชียของ มิตซูบิชิ ฟูโซ่ ทรัคแอนด์บัส คอร์ปอเรชั่น ได้อธิบายให้เห็นภาพรวมของผลิตภัณฑ์ภายใต้หลังคาของเดมเลอร์ทั้งหมดทั่วโลก ก่อนชี้แจงถึงตลาดประเทศไทยของเดมเลอร์ในส่วนของรถเพื่อการพาณิชย์ที่จะถูกดูแลบริหารจัดการโดย DCVT เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮิเคิล (ประเทศไทย) ซึ่งประกอบด้วยรถบรรทุก FUSO, รถบรรทุกเมอร์เซเดส เบนซ์ และ เมอร์เซเดส เบนซ์ บัส

ภาระกิจสำคัญของ DCVT คือการนำพาแบรนด์ FUSO ให้โลดแล่นในตลาดประเทศไทย ไมเคิล เคมเปอร์ กล่าวว่าตลาดประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับ FUSO เพื่อแสดงออกให้เห็นว่า FUSO มีความมั่นใจและตั้งใจที่จะดำเนินการในประเทศไทยอย่างแท้จริง FUSO จะจัดตั้งโรงงานประกอบรถ FUSO ขึ้นในประเทศไทย โดยจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในปี 2562

ซาช่า ริคาเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) หรือ ดีซีวีที กล่าวว่า ตามกลยุทธ์ทางการตลาดของเดมเลอร์ทั่วโลกในการรวมธุรกิจรถบรรทุกแบรนด์ฟูโซ่และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าไว้ด้วยกันภายใต้บริษัท ดีซีวีที ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าในตลาดประเทศไทยโดยระยะแรกโรงงานนี้จะประกอบรถบรรทุกขนาดใหญ่แบรนด์ ฟูโซ่ รุ่น FJ2528C เป็นอันดับแรก รวมทั้งโรงงานมีภาระกิจหลักในเบื้องต้นอย่างชัดเจนที่จะดำเนินการผลิตเพื่อสนับบสนุนตลาดประเทศไทยเป็นหลัก

แน่นอนว่าการหยุดชะงักในช่วงเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมาในการทำตลาดของ FUSO ในประเทศไทย ฉุดให้การเดินหน้าชลอตัวลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง สิ่งสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าของ FUSO ว่านับแต่นี้ไปจะเป็นก้าวย่างไปสู่ความมั่นคง และ FUSO จริงจังกับตลาดประเทศไทย ซึ่งซาช่า กล่าวอย่างชัดเจนว่าตลาดประเทศไทยมีความสำคัญมาก ในช่วงแรกนี้ยอดขายไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังได้มาก แต่ FUSO ดำเนินการตามแผนการที่วางไว้อย่างรัดกุม โดยเป็นไปทีละขั้น

ตั้งแต่ปี 2017 ที่ Asian Trucker เข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาที่ FUSO จัดขึ้นภายใต้การดำเนินการของ DCVT เราเห็นหลายอย่างที่น่าสนใจ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกรายละเอีดยที่จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าของ FUSO

ถัดจากนั้นในปี 2018 FUSO ได้เปิดให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างกับผลิตภัณฑ์ FUSO อย่างใกล้ชิด ด้วยการทดสอบบนสนามที่ FUSO สร้างขึ้น และการเปิดราคาขายที่น่าสนใจ ก้าวไปทีละก้าวอย่างเช่นที่ซาช่ากล่าว นอกจากโปรดักซ์แล้วยังมีในเรื่องของพาร์ทเนอร์ คู่ค้า พันธมิตรที่เข้ามาทำงานร่วมกัน ยังมีในเรื่องของอะไหล่ที่พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงในส่วนสำคัญอย่าง FUSO ลิสซิ่ง เรียกว่าครบวงจร

ก้าวย่างที่สำคัญต่อเนื่องในไตรมาสสามของปีนี้คือ การแสดงออกอย่างชัดเจนที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดนั่นคือประกาศลงทุนสร้างโรงงานประกอบขึ้นในประเทศไทย ในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งแน่นอนว่าเกิดประโยชน์ในหลากหลายด้านกับอุตสาหกรรมรถเพื่อการพาณิชย์และการขนส่งในตลาดประเทศไทย FUSO ยืนยันชัดเจนว่าต้องการก้าวต่อไปในตลาดประเทศไทย และเป็นก้าวย่างที่ต้องการมุ่งไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงและยืนยาวพร้อมๆ กันกับลูกค้าและคู่ค้าของ FUSO

ในส่วนของช่องทางการขายและงานบริการซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ผู้แทนจำหน่าย ศูนย์บริการ FUSO จะเพิ่มขึ้นเป็น 24 แห่งภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบัน 12 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีในหลากหลายมิติ อาทิ ศูนย์ที่ดูแลเพียงเฉพาะ FUSO และดูแลทั้ง FUSO และ เมอร์เซเดส เบนซ์ ทรัคส์ เมื่อถูกถามว่าเป้าหมายหลักของ FUSO สำหรับตลาดประเทศไทย ซาช่า ตอบว่า ต้องการขึ้นมาเป็นที่สามของตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ แน่นอนว่าการจะไปสู่จุดนั้น FUSO ย่อมกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดของตนเองไว้แล้ว ซึ่งได้แสดงออกต่อลูกค้าของ FUSO แล้วอย่างชัดเจนมาเป็นลำดับ ล่าสุดคือการประกาศลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถ FUSO ในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท

FUSO開設一流服務中心,呈獻創新方案

三菱FUSO香港區獨家代理商環宇汽車有限公司深知,單是銷售商用汽車並不足夠,於是最近作出了相當進取的行動,不僅開設了一間配備頂尖設施的一流服務中心,還提供了區內獨一無二的信心購車計劃。
 
旗艦服務中心
服務中心於10月4日正式開幕,位於新界元朗泰園大生圍錦壆路33號DD104中3719D地段的森那美汽車服務有限公司,人手和零件庫存充足,能夠為車主提供完善服務。55名員工隨時候命,竭誠為客戶的車輛服務。其中有28名技師及3名技術人員/技術主任負責車輛的保養。中心設有21個標準工位, 每日可處理40輛貨車服務。

服務中心新開業後並未停步,更推出了其他設施,令車主逗留的時間變得更加愉快。設施包括接待區、休息區,還有必不可少的泊車位。森那美汽車集團香港及澳門區董事總經理黃文偉先生 (Gary Wong) 在開幕儀式上表示:「駕駛商用汽車,不代表不能享受高品質體驗。」這亦是集團與三菱FUSO締結合作關係的50週年。
 
首個同類型服務
環宇汽車有限公司進取地推出全新服務,旨在憑藉全方位服務方案,而非單憑促銷活動,增強客戶對品牌的信心,贏得他們的歡心。環宇汽車有限公司將會提供以下方案,從而履行其承諾:
— 保證回購價:據黃文偉先生表示,環宇汽車是唯一一家提供同類計劃的公司。計劃為期3年,在3年後合約期滿時,環宇汽車保證回購價達車價的50%。前提條件是在這3年期間,車主必須按照保養計劃定期將車輛送回,進行原廠保養。環宇汽車會免費提供這些保養服務,務求協助車主降低整體成本。
— 免費代用車服務:或許最為進取的是,環宇汽車還提供免費代用車服務,車主在將愛車送回保養期間,可免費使用代用車。有了代用車,顧客在愛車保養期間,就可以繼續日常工作,將停工時間減至近乎零。
— 租賃貨車:這個項目仍在籌備當中,而這些貨車可以協助客戶應對高峰期間的訂單需要。當客戶需要更多運輸能力時,可以倚賴環宇汽車提供的車輛完成運輸任務。此外,顧客可以更長時間試駕歐盟五型及歐盟六型貨車,再作出購車決定。顯然只有在實際駕駛中,方可真正評估貨車的性能表現。

引以為豪的傳統
環宇汽車有限公司自1968年起成為三菱汽車香港及澳門區獨家代理商。環宇汽車致力提供一系列不同種類的汽車,包括商用汽車和公用汽車,協助香港人穿梭往返各地。環宇汽車銷售的商用汽車亦確保了貨品及服務能安全準時地傳送到客戶的目的地,成為眾多企業家穩定的合作伙伴。

作為森那美集團成員,環宇汽車致力滿足客戶的需求,提供卓越的服務。黃文偉先生指出:「展望未來,我們環宇汽車有限公司將繼續做好本份、發揮所長,推動香港持續發展,創建更美好的香港。」
 

HAMMAR จัดส่งสินค้าไปยัง Sonic

HAMMAR ได้ส่งอุปกรณ์ไฮดรอลิกของ HAMMAR ที่เรียกว่า Sideloaders เทคโนโลยีวิศวกรรมจากสวีเดน ให้กับบริษัท Sonic ซึ่งดำเนินกิจการเกี่ยวกับการรับขนส่งตู้คอนเทนเนอร์โดยเฉพาะ

แน่นอนว่าเจ้า Sideloaders จาก HAMMAR สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีสำหรับงานของ Sonic ในช่วงเริ่มต้นนี้ Sideloaders ตัวแรกได้เข้าประจำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยคุณดุสิตจาก PlandBplus ผู้ได้รับแต่งตั้งจาก HAMMAR ประเทศสวีเดนในการดูแลตลาดประเทศไทย ส่งมอบ Sideloaders HAMMAR ให้กับทาง Sonic รวมทั้งอบรมการใช้งาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำ ซึ่งหลังส่งมอบแล้วเป็นบริการหลังการขายที่ทาง HAMMAR ให้การดูแลลูกค้า

แต่สำหรับอุปกรณ์ Sideloaders ของ HAMMAR มีขั้นตอนการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ถูกออกแบบมาสำหรับยกตู้คอนเทนเนอร์โดยเฉพาะ สามารถทำงานได้หลากหลาย อาทิ ยกลงจากท้ายพ่วงลากที่ติดตั้ง Sideloaders ของ Hammar เอง ยกจากพื้นขึ้นมาวางบนท้าย ยกตู้ซ้อนกันทั้งขึ้นและลง ยกตู้ลงจากรถไฟ

Sonic สั่ง Sideloaders ของ HAMMAR เข้าประจำการเป็นที่เรียบร้อยในเบื้องต้นหนึ่งตัว เพื่อทดลองใช้งาน ซึ่งนับว่าเหมาะอย่างยิ่งกับรูปแบบการขนส่งของ Sonic ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการขนส่งคอนเทนเนอร์โดยเฉพาะ หากเป็นไปด้วยดีจะมี Sideloaders ของ HAMMAR อีกหลายตัวเข้าประจำการที่ Sonic

การเลือกคนให้เหมาะกับงานเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกัน การเลือกอุปกรณ์และเทคโนโลยีให้เหมาะกับงานก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เพราะจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานได้เป็นอย่างดียิ่ง

Handover Marks Isuzu's 100th Unit Delivery to Mighty Bakery

Isuzu Malaysia ended 2017 on a positive note when its Batu Pahat-based authorised dealer, Jumbo Arena Sdn Bhd, made its 100th unit delivery to Mighty Bakery Sdn Bhd, a manufacturer of bread, buns and confectionery, under the well-known household brand, Mighty White.

As a food manufacturer of freshly-baked goods, Mighty Bakery have relied on Isuzu as a dependable transportation partner that ensures reliability and timely delivery to their network of nationwide retailers, to meet the demands of consumers on a daily basis. This steady partnership started back in 2012, and has now grown the manufacturer’s fleet size of Isuzu trucks to 100 units.

The 100th unit delivery comprised of the Isuzu N-Series 4-wheeler truck (NKR55UEEH-E), with 16 units registered in 2017. In line with Mighty Bakery’s business expansion into new markets, the current procurement is slated to ensure on-time delivery and cost-effective distribution of their product range throughout the country. In addition, a number of these units will also be replacing aging trucks in their current fleet.

Furthermore, Isuzu trucks have become the food manufacturer’s preferred vehicle brand for logistics and distribution due to its solid built-up and sturdiness, aside from offering economical fuel consumption and lower maintenance fees.

The handover ceremony was attended by Isuzu Malaysia’s Chief Operating Officer of Commercial Vehicle Division, Mikio Tsukui, who took the opportunity to extend his appreciation and gratitude towards Mighty Bakery for their long-standing support and trust towards both Isuzu Malaysia and Jumbo Arena. Tsukui added that he believes Isuzu will be a beneficial transportation partner that ensures consistent efficiencies in time and cost, in support of Mighty Bakery’s mission to provide fresh, quality food products to be enjoyed by all.

A symbolic mock key was also presented to Rodney Khor, the Marketing Director of Mighty Bakery Sdn Bhd, to commemorate the auspicious event, which took place at the company’s plant in Balakong, Selangor. The event was witnessed by Lim Kian Hong, Senior Logistic Executive; and Law Lai Poh, Logistic Executive, of Mighty Bakery. Also in attendance was Jumbo Arena Sdn Bhd Managing Director, Yeo Ann Siong; and After-Sales Manager, David Yeo

Hartmut Mueller, MD of MAN Bows Out Into Retirement

Proud of his successes in the country, Mueller called for a last press conference on 27th April to announce his retirement to the assembled media representatives. 
"It is a good feeling to be retiring, however, it is also a sad moment for me," he said during the gathering.

Now 62 years old, Mueller came on board MAN Malaysia in September 2013. Prior to that, he has held various positions in MAN including Senior Vice President of Sales Management, Senior Vice President of International Key Accounts and CEO for MAN France.


During his five years in the country, MAN Truck & Bus nearly doubled its sales and has seen the entry into new segments. "The delivery of some 65 rescue trucks to APAM (Civil Defence) was surely the highlight of my time here. Hearing the praise for the trucks from the commanders receiving the vehicles was a truly proud moment." 

According to him, meeting the different people here in Malaysia had the biggest impact on him. It is therefore not a surprise that he plans to stay on for a few months to now explore Malaysia in depth. "You to to Penang for a meeting and come back. So, you have been there, but not seen it. Now I really want to explore this beautiful country." 

When asked what the biggest challenges will be for the brand after his departure, Mueller pointed out that one major local player had just acquired the rights to the sole distributorship of another German truck brand. "These people are not just going to put that brand onto a shelf. They will aggressively grow it and MAN will need to find products to match that." Besides local competition, Mueller also said that the changing demands arising super-growth in E-Commerce will have an impact on the entire supply chain. Where previously, large amounts were delivered to brick and mortar stores, now goods are delivererd to the door-steps of individuals. 

Pending the appointment of a replacement and to ensure a smooth transition, Jerome Wong, General Manager of Sales and Marketing; and Thayalan Subramaniam, Head of Aftersales will assume acting leadership roles.
Spencer Tan, Managing Director of Importer Center, MAN Truck & Bus Asia Pacific said “Mueller has shown exceptional leadership during his five-year tenure with MAN Malaysia. Under his management, the company has seen robust and consistent growth in Malaysia and he has also help positioned the MAN brand prominently amidst a very competitive landscape.  On behalf of the management team, I want to sincerely thank Mueller for his dedicated service to MAN”.

Hengst Oil Filters: Not Just Clean, But Pure

To ensure reliable performance of the engine, one needs protection for all applications, starting with the delivery of oil that is free from harmful substances.

Oilfilters made by German brand Hengst are high-quality products that ensure engines are efficiently lubricated at all times and under all conditions. Efficient filtration forms the basis for optimal performance and safe operating conditions. They filter dust, metal abrasions, soot and other impurities.

Pure Oil Guarantees Consistent Performance  Depending on the application, several hundred litres of oil are pumped through an engine to reduce friction of moving parts and thus, premature wear-out is prevented. Today, engine technology has become much more complex and the oildrain intervals have been prolonged significantly. These developments demand higher specifications from the engine oils as well when it comes to the purity of the lubricants. To ensure that the oils are pure and free from harmful substances, the use of high-quality filters is necessary, also in view of the prolonged intervals for filter changes. Hengst filters contribute positively to the reduction of wear, thanks to the highly efficient filtration, and thus, increase the lifespan of the engine as well as its performance. This way, increased fuel consumption and the increased emission readings that would come with it, can be avoided.

Engine Oil Filtration at Highest Levels Oil filters made by Hengst are matching OEM quality. To reach this level of quality, the company is only using the latest and most up-to-date materials, applying synthetic fibres, impregnation and grain sizes that ensure the highest dirt collection in their manufacturing process. In addition to that, Hengst filter offer high temperature stability and mechanical integrity to withstand pressure differences, as well as highquality sealants that withstand extreme variations in temperatures. A reliable connection between seal, filterpaper and the end plate is the guarantor for hassle-free performance.

All engine oil filters from Hengst are equipped with highly dependable back-pressure valves, which prevent the filters from running completely dry when the engine is switched off. Furthermore, these filters are equipped with valves that bypass the filter during the cold run phase to ensure a continuous supply of engine oil to the engine.

Screw-On Filters – The Easy Way With this type of Hengst filters, the housing, with its pressure-sealed and flared, treaded end plate form a complete unit together with an integrated filter element. In case servicing is needed, the entire unit will be exchanged. All required components and valves, such as the filter bypass and back-pressure valve are housed in the case and are included in the unit. This ensures that the engine is protected during cold-run phases and in case the service intervals are extended beyond the recommended mileage.

Filter Inserts – Eco Friendly and Easy to Service These are part of the innovative ENERGETICConcept. With this system, Hengst is offering clients a more eco friendly solution whereby ease of service is also ensured. In case of a filter service, only the insert needs to be replaced for this system. All other components, such as valves, lids and housing will remain mounted to the engine block for the entire lifecycle of the engine. Mechanics will love the fact that the filter change of this sophisticated system can be done without any contact between oil and skin. To do so, the lid will be loosed, causing the oil to drain via a valve into the oil sump. Once the unit is drained, the clip-on filter can be extracted together with the lid from the housing.

The use of Recyclat-materials is an important contribution to the protection of our environment. This allows for filter inserts to be recycled according to materials in a cost effective manner, whereby the filters are dismantled and materials are kept pure.

Pro-Tips Whenever oil is changed, the oil filter should be changed as well. This is necessary as the duration for how long a filter can be used is defined by the OEM and the filters are engineered in accordance. When doing so, one should ensure that the spare parts used are always in OEM quality. Only such parts guarantee long lasting functionality through the use of high quality materials, precise manufacturing and air-tight wrapping.

Hino Hybrid Bus

ฮีโน่ ส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) ให้ ขสมก. ทดลองวิ่งบริการประชาชน

คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) ในโครงการความร่วมมือระหว่าง ขสมก. บริษัท ฮีโน่ และ JICA ในวันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม 2561 เวลา 09.00 น. ณ สำนักงานใหญ่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ถนนวัฒนธรรม เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร


คุณประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีรถโดยสารประจำทางวิ่งให้บริการประชาชน จำนวน 2,674 คัน ซึ่งรถโดยสารส่วนใหญ่ใช้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้มีต้นทุนการเดินรถและค่ามลพิษ
ทางไอเสีย (CO2) ค่อนข้างสูง

ขสมก.จึงร่วมมือกับ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (JICA) นำรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) จำนวน 1 คัน มาทดลองวิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถของ ขสมก.เป็นระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน 2561 ใน 7 เส้นทางการเดินรถ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน และสมรรถภาพของรถโดยสาร

โดยเก็บค่าโดยสารตามอัตราปกติ รายละเอียด ดังนี้

1. สาย A1 (ดอนเมือง - หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 16 - 30 มิถุนายน 2561
2. สาย 510 (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 1 - 15 กรกฎาคม 2561
3. สาย 522 (รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 16 - 31 กรกฎาคม 2561
4. สาย 145 (อู่เมกาบางนา - หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 1 - 15 สิงหาคม 2561
5. สาย 511 (ปากน้ำ - สายใต้ใหม่) วิ่งระหว่างวันที่ 16 - 31 สิงหาคม 2561
6. สาย 138 (พระประแดง - หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 1 - 15 กันยายน 2561
7. สาย 140 (แสมดำ - อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 16 - 30 กันยายน 2561

และบริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยินดีโอนกรรมสิทธิ์รถโดยสารคันดังกล่าวให้กับ ขสมก.เพื่อนำไปวิ่งให้บริการประชาชนในระยะยาวต่อไป กำหนดจัดพิธีส่งมอบรถโดยสารดังกล่าว ในวันพฤหัสบดี ที่ 31 พฤษภาคม 2561 ได้รับเกียรติจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้ รถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) คันที่นำมาทดลองวิ่งนี้ เป็นรถที่ผลิตและประกอบภายในประเทศไทย ขนาด 12 เมตร 35 ที่นั่ง เครื่องยนต์ขนาด 250 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 90 กิโลวัตต์ สามารถประจุไฟได้เองโดยไม่ต้องพึ่งสถานีประจุไฟฟ้า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย (CO2)

เมื่อเปรียบเทียบกับรถโดยสารระบบดีเซล พบว่ามีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 3.5 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 2 เท่า มีปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย (CO2) 76,926 กิโลกรัม/ปี ต่ำกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 48.56 %

Hino Smart Driver

อาชีพขับรถบรรทุก เป็นอาชีพที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องพัฒนาทักษะความรู้อยู่อย่างสม่ำเสมอ
โครงการขับขี่รถบรรทุกมืออาชีพ Hino Smart Driver นอกสถานที่ จ.สุราษฏร์ธานี 2 รุ่นได้แก่ วันที่12-13 และ 14-15 พ.ค. 2561
โดยกิจกรรมนี้ ฮีโน่จัดเต็มให้กับลูกค้า ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ฮีโน่
รถบรรทุกพันธุ์แกร่ง ทนทาน กล้ารับประกัน 5 ปี เทคโนโลยีเพื่อความประหยัด อุ่นใจทุกการเดินทาง ต้องฮีโน่ ด้วยศูนย์บริการตัวแทนจำหน่าย 96 แห่งทั่วประเทศ

Hino Smart Driver Contest ครั้งที่ 2

สำหรับการแข่งขันจัดขึ้น ณ สนาม TPRO Training Center โดยได้รับเกียตริจาก มร.ชิน นาคามูร่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คุณทองคำ นิสัยสัตย์ ขนส่งจังหวัดฉะเชิงเทรา และดร.ทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบก ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน

มร.ชิน นาคามูร่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวว่า “ภายหลังการแข่งขันในครั้งที่ 1 ผ่านพ้นไป ทางฮีโน่ได้เริ่มต้นวางแผนเพื่อพัฒนาการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเราต้องการยกระดับคำว่ามืออาชีพให้สูงมากยิ่งขึ้น รวมถึงการมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมทาง เพราะการแข่งขันของฮีโน่ แตกต่างจากการแข่งขันรถบรรทุกอื่นๆ ในประเทศไทย โดยเน้นย้ำในด้านความปลอดภัยในการใช้รถ ทั้งการใช้รถอย่างถูกวิธีเพื่อให้เกิดความประหยัดให้กับผู้ประกอบการ และประหยัดเวลาในการดูแลรักษา ที่เหนือสิ่งอื่นใด คือการช่วยสร้างความสุขให้กับสังคมไทยนั้นเอง”

การแข่งขันนี้ในครั้งนี้ ฮีโน่จึงต้องการค้นหาสุดยอดนักขับ ที่มีศักยภาพและคุณภาพของ ผู้ขับขี่ พร้อมสร้างบุคคลากรที่มีคุณภาพสู่สังคม ด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญในการขับขี่ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันการต้องผ่านการอบรมหลักสูตร Hino Smart Driver จาก TPRO โดยการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ รถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกน้ำหนัก และรถบรรทุกหัวลาก 10 ล้อลากพ่วงบรรทุกน้ำหนัก โดยแบ่งรูปแบบการแข่งขันออกเป็น 4 รูปแบบ ทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติ คือ

การทดสอบข้อเขียน เพื่อให้ได้นักขับที่มีความรู้ ทั้งทางด้านการขับขี่ที่ถูกต้อง กฎหมายจราจร และความรู้ลารดูแลรักษารถที่ถูกวิธี โดยได้รับการรับรองข้อสอบจากกรมการขนส่งทางบก และ TPRO

การแข่งขันทักษะการขับขี่ จำลองสนามและอุปสรรค ที่ผู้เข้าแข่งพบแน่นอนในการขับรถในชีวิตจริง ได้แก่ การกะระยะนำรถผ่านสิ่งกีดขวาง การขับเข้าและผ่านช่องแคบ การขับแบบสลาลม การถอยชิดขอบทาง การขับถอยจอดเข้าช่อง 90 องศา การเลี้ยวรถแบบหักศอก และการหยุดรถหน้าสิ่งกีดขวาง

การตรวจเช็ครถบรรทุก จุดนี้เป็นจุดสำคัญ หากพนักงานขับรถ ไม่มีการบำรุงดูแลรถที่ดีมาตลอด ส่งผลต่อการขับขี่อย่างแน่นอน ดังนั้นพนักงานขับรถต้องรู้จักการดูแลและการตรวจเช็คอย่างถูกวิธี

การขับขี่ประหยัดน้ำมัน เป็นจุดที่ช่วยให้เกิดกำไรต่อผู้ประกอบการและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ ฮีโน่ยังมีเครื่องมือที่ช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน นั้นคือ iQ-San ซึ่งติดตั้งเป็นมาตรฐานของรถบรรทุกฮีโน่ โดยไดรับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และเครื่องมือนี้ จะเป็นกรรมการตัดสินในการแข่งขันประหยัดน้ำมันด้วย