Skip to main content

News in:  BM | TH | CN

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน เปิดตัวรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทย

ดีเอชแอล ซัพพลายเชน เปิดตัวรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทย

รถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมินี้ติดตั้งเทคโนโลยี TRAiLAR ซึ่งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดีเอชแอล เป็นบริษัทด้านโลจิสติกส์แห่งแรกที่ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ให้กับรถขนส่ง ตอกย้ำความมุ่งมั่นในพันธกิจ ESG เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050

กรุงเทพมหานคร 7 กรกฎาคม 2564 – ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก เปิดตัวรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิในประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยี TRAiLAR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รถขนส่งแบบใหม่นี้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ 2 แบบภายในคันเดียว และรับน้ำหนักได้มากถึง 12,500 กิโลกรัม ต่อคันจึงสามารถขนส่งได้ทั้งผลิตภัณฑ์แช่เย็นและแช่แข็ง เช่น เนื้อสัตว์และผัก การเพิ่มรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิในครั้งนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันดีเอชแอลมีรถที่ติดตั้งเทคโนโลยี TRAiLAR เพื่อการขนส่งสินค้าทั่วประเทศรวมกว่า 40 คัน โดยแต่ละคันได้ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบบางพิเศษไว้บนหลังคาที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมการชาร์จแบบอัจฉริยะ

“การลงทุนในเทคโนโลยีอุตสาหกรรมชั้นนำเพื่อการขนส่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอโซลูชั่นรถขนส่งเพื่อความยั่งยืนที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าที่เปลี่ยนไป การเพิ่มรถขนส่งในครั้งนี้ ทำให้มั่นใจว่าเราจะขนส่งสินค้าบนท้องถนนได้ดีขึ้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในเวลาเดียวกัน” สตีฟ วอล์คเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย (ไทย เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์) กล่าว

รถขนส่งนี้ถือเป็นโครงการริเริ่มล่าสุดเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ESG ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยล่าสุด ดีเอชแอล ยังได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ไฟ LED เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ รวมถืงดำเนินการจัดการขยะ ที่คลังสินค้าบางนาโลจิสติกส์แคมปัสซึ่งเป็นคลังสินค้าร่วม (multi-user) ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย

ธนะดี ออโต้ ทรัคส์ / ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ ยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) พิษณุโลก

ธนะดี ออโต้ ทรัคส์ / ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ ยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) พิษณุโลก

“การทำงานต้องมีแผนงาน แผนสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนมองเห็นภ“พรวมทั้งหมด รู้หน้าที่ของตัวเอง มองเห็นเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งต้องมุ่งไปสู่ ในฐานะผู้นำ มีหน้าที่ที่จะต้องนำพา สนับสนุนทีมงาน ให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานตามแผนงานที่วางไว้ แผนจึงสำคัญมากในการบริหารงาน”

คุณอัยยริน มั่นคง บอกกับเราเมื่อถูกถามว่า ในฐานะลูกสาวได้ซึมซับแนวทางการทำงานด้านใดจากคุณพ่อซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง BRK Group มาบ้าง คุณอัยยริน มั่นคง คือใคร เธอคือคนรุ่นใหม่ ที่รับหน้าที่บริหารตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ ยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) พิษณุโลก ภายใต้บริษัท ธนะดี ออโต้ ทรัคส์ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ยูดี ทรัคส์ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีพื้นที่ทางการตลาดครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกทั้งหมด

Asian Trucker เดินทางมายังจังหวัดพิษณุโลก อีกหนึ่งเมืองสำคัญของภาคเหนือตอนล่าง แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกับธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจหลักของพิษณุโลกไม่ได้พึ่งพาในเรื่องของภาคท่องเที่ยวและบริการเป็นหลักจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก กิจกรรมทางธุรกิจหลายอย่างของพิษณุโลกเกี่ยวข้องกับการขนส่ง ทั้งในภาคเกษตร รวมไปถึงในกิจการก่อสร้าง ที่ผ่านมาโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของหมู่บ้านจัดสรรในพิษณุโลกกำลังเติบโตไปได้ดี รับกับความต้องการในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทำให้ความต้องการรถบรรทุกเติบโตตาม

ธนะดี เริ่มต้นทำการตลาดกับการจำหน่ายรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ตั้งแต่ตัวศูนย์บริการยังสร้างไม่แล้วเสร็จ เมื่อเดือนกันยายนปี 2020 หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อธนะดีและรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ทำให้คำสั่งซื้อมีตั้งแต่ตัวศูนย์บริการยังไม่เรียบร้อย เมื่อศูนย์บริการและโชว์รูมสร้างเสร็จ ตัวอาคารที่ทันสมัย รวมทั้งพื้นที่ให้บริการที่กว้างขวางสมบูรณ์แบบในเดือนมกราคม 2021 และเปิดใช้งานเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ทำให้เดือนมิถุนายนปีนี้ยอดจำหน่ายและจองรถข้ามสามสิบคันไปแล้ว จากยอดทั้งปีที่วางไว้หกสิบคัน

ไม่เพียงแต่ลูกค้าในเขตพื้นที่พิษณุโลกเท่านั้น คุณอัยยรินกล่าวว่ายังมีลูกค้าจากอุตรดิตถ์ที่ขับรถมาที่ธนะดีเพื่อซื้อรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ด้วย สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่ารถบรรทุกยูดี ทรัคส์ได้รับการยอมรับจากตลาดภาคเหนือตอนล่างเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อได้ตัวแทนจำหน่ายที่มีความมั่นคง ทำให้ผู้ใช้งานในพื้นที่ยิ่งมีความมั่นใจที่จะเลือกใช้งาน คุณอัยยรินเล่าให้ฟังว่า ที่ธนะดีเป็นทีมงานคนรุ่นใหม่ที่สนุกกับการทำงาน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า สนับสนุนให้ลูกค้าของธนะดีและยูดี ทรัคส์ได้รถที่ดีมีคุณภาพไปใช้งานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นใจ พร้อมกับงานบริการที่ทางธนะดีดูแลอย่างดี ลูกค้าสามารถสบายใจตลอดอายุการใช้งานของรถได้

ความใหม่ของธนะดี ออโต้ทรัค แอนด์เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด ทีมงานทุกคนพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา บนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลใหม่ ชุดความรู้ใหม่ เราไม่มีความสำเร็จเดิมเป็นข้อเปรียบเทียบทำให้ไม่ต้องกังวลใจอะไร ทุกการก้าวไปข้างหน้าคือเรื่องใหม่ ผลลัพธ์ใหม่ คุณอัยยรินกล่าว

แนวความคิดในการบริหารธนะดีนั้นคุณอัยยรินกล่าวว่า ทีมงานต้องใส่ใจกับงานบริการ ทำงานว่องไว รอบครอบ ที่สำคัญในทีมงานจะต้องพูดคุยสื่อสารกันตลอดเวลา ในส่วนของการทำการตลาดกับลูกค้านั้น เน้นเรื่องของการทำการค้าร่วมไปกับการสร้างพันธมิตร ไม่มองแค่ความสำเร็จจากการขายรถให้ได้ในวันนี้ มองระยะยาวสำคัญกว่า มุ่งเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืนทั้งกับธนะดีและลูกค้า

ทีมช่างของธนะดี เป็นทีมช่างที่มีประสปการณ์จากการดูแลฟลีทรถของ BRK group ซึ่งมีทั้งวอลโว่ ทรัคส์ (VOLVO TRUCKS) และยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) อยู่ในฟลีท โดยแบ่งทีมออกมาเป็นทีมเซอร์วิสของธนะดีโดยตรง นอกไปจากนั้นยังได้รับการอบรมเพิ่มเติมจากทางยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ประเทศไทยอยู่สม่ำเสมอตามรอบของการทำงาน จึงมีความเชี่ยวชาญในการดูแลบำรุงรักษารถของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ในส่วนบริการนั้นช่องซ่อมมีมาตรฐาน สามารถดูแลได้ทั้งงานหัวรถและหางได้อย่างสบาย พร้อมด้วยเครื่องมือที่มีความทันสมัยในการทำงาน ตรงตามมาตรฐานของยูดี ทรัคส์ ประเทศไทยเพื่อให้บริการกับลูกค้า การเพิ่มสินค้าลงในตลาด ผู้ที่ได้รับประโยชน์ย่อมจะต้องเป็นลูกค้าผู้ใช้งานรถบรรทุกอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้มีทางเลือก ในการเลือกใช้ยานพาหนะที่ดีและชอบเพื่อนำไปใช้งานขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้ก้าวหน้าเติบโต คุณอัยยรินกล่าวว่า

ความสดใหม่ของธนะดี ทั้งตัวของเธอเองและตัวแบรนด์ยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ที่เพิ่งตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกในพิษณุโลก เป็นความท้าทายในการทำงานที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนมุมมองเดิมที่ลูกค้ามีต่อยูดี ทรัคส์ในยุคเก่า ให้เข้าใจใหม่เกี่ยวกับรถยูดี ทรัคส์ใหม่ ที่มีความทันสมัย มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหลายอย่างที่ถ่ายโอนมาจากรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์โดยเฉพาะในเรื่องของเกียร์ ESCOT

“เรามีสินค้าที่ดีอยู่ในมือ เรื่องการทำการตลาดจึงไม่กังวล ที่ผ่านมาจากการเริ่มต้นก้าวแรกกับผลตอบรับที่เกิดขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าเรามาถูกทางแล้วกับแบรนด์ยูดี ทรัคส์”

Asian Trucker มองว่าพื้นที่พิษณุโลก ในอนาคตน่าจะได้รับประโยชน์จากการเป็นจุดหนึ่งของการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าในภูมิภาค รวมทั้งในส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับ LIMEC หรือระเบียงเศรษฐกิจ หลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำใย ซึ่งพื้นที่ของภาคเหนือตอนล่าง พิษณุโลก ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ เป็นพื้นที่ภูมิศาสตร์ของโครงการนี้ ที่จะทำให้เศรษฐกิจของภาคเหนือตอนล่างคึกคัก

แน่นอนว่าภาคขนส่งจะต้องมีบทบาทสำคัญ สำหรับธนะดี ออโต้ทรัค แอนด์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ที่พิษณุโลกเป็นแค่ก้าวแรก โครงการต่อไปซึ่งได้เริ่มนับหนึ่งแล้ว คือการได้รับความไว้วางใจจากทางยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) ประเทศไทย ให้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้แทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถบรรทุกยูดี ทรัคส์รวมทั้งงานบริการรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุม แม่ฮ่องสอน และลำพูนด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสร้างตัวศูนย์บริการที่เชียงใหม่

น่าตื่นเต้นที่จะได้เห็นแบรนด์รถบรรทุกยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS) เริ่มกลับมาเดินหน้าอย่างมีทิศทางอีกครั้งในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะแนวทางการทำการตลาดที่ทางยูดี ทรัคส์ (UD TRUCKS)ประเทศไทย เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำการตลาดในรูปแบบของ Private Dealer ร่วมกัน รวมทั้งการได้เห็นตัวแทนจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ที่บริหารงานโดยหญิงสาวรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมสีสันในกับแวดวงธุรกิจรถเพื่อการพาณิชย์ และการขนส่ง อย่างคุณอัยยริน มั่นคง ผู้บริหาร ธนะดี ออโต้ทรัค แอนด์เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด #UDTrucks #ยูดี #รถบรรทุกพิษณุโลก #ขนส่งพิษณุโลก

นิ่มซี่เส็งขนส่ง มุ่งพัฒนา พขร. สู่นักขับมืออาชีพ

นิ่มซี่เส็งขนส่ง มุ่งพัฒนา พขร. สู่นักขับมืออาชีพ ปรับสัดส่วนพนักงานขับรถ 1.5 คนต่อรถ 1 คัน
เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตพนักงานขับรถ ดันพนักงานขับรถลงสนามนักขับมืออาชีพ คว้าชัยในสนาม UD Extra Mile Challenge

บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้ารายใหญ่ในภาคเหนือ ยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานขับรถ โดยปรับสัดส่วนพนักงานขับรถ 1.5 คนต่อรถ 1 คัน (พนักงานขับรถ 3 คนต่อรถ 2 คัน) จากเดิมที่ใช้สัดส่วน 1:1 (พนักงานขับรถ 1 คนต่อรถ 1 คัน) ทั้งนี้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงานขับรถของบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงในอาชีพของพนักงานโดยเน้นความปลอดภัยบนท้องถนนในขณะปฏิบัติหน้าที่

นายชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะพนักงานขับรถ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร โดยที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มสัดส่วนพนักงานขับรถต่อจำนวนรถจาก 1:1 มาเป็น 1.5:1 ภายใต้โครงการพนักงานขับรถ 3 คนต่อรถ 2 คัน ทำให้พนักงานขับรถมีสภาพการทำงานที่ดีขึ้น และทำให้เป็นบริษัทประกอบกิจการขนส่งที่ พขร. อยากร่วมงานด้วย

“ในอดีต ผมบอกได้เลยว่าคนขับรถของเราไม่มีเวลาพักเลย เขาต้องขับรถและอยู่กับรถตลอดเวลา ทำให้ไม่มีวันหยุด ไม่มีเวลาส่วนตัว ส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ผมจึงมีแนวคิดว่าทำอย่างไรให้พวกเขามีความรู้สึกว่าอาชีพพนักงานขับรถเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงและเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนอาชีพอื่น ผมจึงลงไปดูถึงสภาพการทำงานของพวกเขา สุดท้ายผมจึงเพิ่มจำนวนพนักงานขับรถต่อคัน และพัฒนาการฝึกอบรมและผลิตพนักงานขับรถคุณภาพให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สัดส่วนพนักงานขับรถต่อจำนวนรถอยู่ในสัดส่วนเหมาะสม” นายชวลิต กล่าว

นายชวลิต กล่าวว่า ด้วยความวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้าง พขร. ของบริษัทให้มีคุณภาพและมีภาพลักษณ์เป็นสมาร์ทไดร์ฟเวอร์ ทางบริษัทฯจึงสนับสนุนให้ พขร. ของนิ่มซี่เส็งขนส่งได้มีโอกาสได้เข้าร่วมสนามแข่งขันเพื่อยกระดับคุณภาพการขับรถบรรทุกและปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานในสนามต่าง ๆ โดยล่าสุด นายศุภชัย ทาเจริญ ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะในรายการ UD Extra Mile Challenge ร่วมกับผู้ชนะอีก 9 คน จาก 9 ประเทศโดย ยูดี ทรัคส์ ได้จัดพิธีประกาศมอบรางวัลเกียรติยศผู้ชนะพร้อมกันในรูป Virtual ภายใต้ชื่องาน UD Extra Mile Challenge Virtual Award Ceremony เมื่อเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้นายศุภชัย ในฐานะแชมป์ประเทศไทยประจำปี 2019 พร้อมด้วยผู้ชนะอีก 9 คนจาก 9 ประเทศ จากผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้นมากกว่า 500 คน โดยตามกำหนดเดิมต้องมีแข่งขันในปี 2020 รอบสุดท้ายที่ประเทศญี่ปุ่น แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาด COVID19 ทั่วโลก ทำให้การแข่งขันไม่สามารถดำเนินการไปตามแผนได้ คณะกรรมการจัดงานจึงมีมติให้ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้ง 10 คนจาก 9 ประเทศเป็นแชมป์ร่วมกัน และได้รับมอบของขวัญส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นเกียรติกับฮีโร่นักขับทุกท่าน นายศุภชัย กล่าวภายหลังเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลว่าตนมีความภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ และที่สำคัญการเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขันครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์โดยตรงที่จะยกระดับคุณภาพฝีมือและสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสนามแข่งขันมาปรับใช้กับการทำงานจริงได้ อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมในสนามแข่งมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมอาชีพได้เป็นอย่างดี

“ผมเองได้รับประสบการณ์อย่างดีจากการเข้าร่วมแข่งขันที่ยูดี ทรัคส์ได้จัดขึ้นเป็นอย่างมากเพราะจากครั้งแรกที่ผมเข้าร่วมแข่งขัน แต่ได้ที่ 3 ผมได้รู้ถึงข้อผิดพลาดของเราที่นำไปสู่การปรับปรุงและเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมแข่งขันในปีต่อมา จนทำให้ผมได้เป็นแชมป์คนล่าสุด” นายศุภชัย กล่าว มร.อีริค ลาบัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวปิดท้าย

“กิจกรรมค้นหาสุดยอดนักขับที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างมืออาชีพ UD Extra Mile Challenge เป็นกิจกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าของเรา แต่น่าเสียดายที่เราไม่สามารถจัดงานเฉลิมฉลองแบบเจอหน้ากันได้ อย่างไรก็ตามเรารู้สึกยินดีที่ได้เจอกันในรูปแบบใหม่นี้ ในแบบ Virtual ทุกคนที่ร่วมในวันนี้คือฮีโร่นักขับตัวจริง ที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด เราขอแสดงความยินดี และขอขอบคุณนักขับทุกคนที่เข้าร่วม กิจกรรมนี้จะกลับมาอย่างแน่นอนเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น”

บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีซีวีที เผยถึงแผนกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับประเทศไทยในปี 2565

บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีซีวีที เผยถึงแผนกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับประเทศไทยในปี 2565 ที่พร้อมขับเคลื่อนสู่อนาคต โดยมุ่งเน้นไปที่รถบรรทุกฟูโซ่ รวมถึงรถบรรทุกและรถบัสเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเสริมด้วยโปรแกรมใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าด้านการบริการหลังการขายที่เตรียมเปิดตัวสู่ลูกค้าในปี 2565  

ดีซีวีที เชื่อว่ารถบรรทุกและรถบัสยังคงเป็นหัวใจหลักของระบบโลจิสติกส์ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกและตอบโจทย์ด้านการขนส่งสินค้าให้ไปถึงมือผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี หากปราศจากรถบรรทุกและรถบัส โลกจะหยุดหมุน สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงดำเนินต่อไป  

“ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนส่งสินค้าที่ขนสินค้าจากท่าเรือสำคัญ ๆ ของโลกไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต สถานที่ก่อสร้าง และโรงพยาบาล ไปจนถึงผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะที่รับส่งคนไปทำงานหรือไปโรงเรียน หรือระบบการจัดการขยะสาธารณะที่ช่วยให้ถนนและบ้านเมืองของเราสะอาด ดีซีวีทีมุ่งมั่นทำงานเพื่อขับเคลื่อนโลกใบนี้ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเรา” คุณราล์ฟ เครเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าว

“ดีซีวีที มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทุกความเคลื่อนไหวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยรถบรรทุกเดมเลอร์ จากมุมมองของเรา ผู้ที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ คือ ลูกค้าของเรา เพราะเราเชื่ออย่างจริงใจว่า 'ลูกค้าของเราขับเคลื่อนโลก (Our Customers Move the World)'  

คุณราล์ฟ กล่าวว่า ดีซีวีทีจะยังคงให้ความสำคัญกับรถบรรทุกฟูโซ่ รุ่น FJ2528RMC, TV3340S และ FN2527 ในปี 2565 นี้ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์ว่าคุ้มค่าและช่วยเรื่องต้นทุนในการดำเนินงาน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของเดมเลอร์ที่จะมาเป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ รถเพื่อการพาณิชย์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกและรถบัส โดยเน้นที่การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จะมีการเปิดตัวเป็นทางการในประเทศไทยของรถบรรทุก 'The new Actros' ใหม่ ในขณะที่แชสซี OH1626 จะพร้อมจำหน่ายสำหรับรถบัสเมอร์เซเดส-เบนซ์  

สำหรับบริการหลังการขายนั้น ดีซีวีทีเน้นย้ำความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก โดยในปี 2565 จะเปิดบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงรวมถึง Call Center ในปีนี้  

ปัจจุบัน ดีซีวีทีมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบไปด้วยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยมีศูนย์บริการฟูโซ่ 16 แห่ง รถบรรทุกเมอร์เซเดส-เบนซ์ 5 แห่ง และรถบัสเมอร์เซเดส-เบนซ์ 5 แห่ง ทั่วประเทศ นอกเหนือจากผู้จำหน่ายอะไหล่แท้ของฟูโซ่ 3 ราย และผู้ให้บริการประกอบตัวถัง 2 ราย นอกจากนี้ ดีซีวีทียังวางแผนที่จะขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อรองรับเครือข่ายด้านการขายและบริการหลังการขายในภาพรวม  

ในด้านการตลาด ดีซีวีทีจะขยายช่องทางการสื่อสารให้เข้าถึงทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าในปัจจุบัน ทั้ง Instagram และ LinkedIn เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงความร่วมมือต่าง ๆ จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงเพิ่มการบริการที่มุ่งเน้นความสะดวกให้กับลูกค้า ที่สนใจในการทดลองขับรถบรรทุกหรือรถบัสฟูโซ่หรือเมอร์เซเดส-เบนซ์

บริษัท เอ็ม ซี แก๊ส & ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด / เชียงราย

บริษัท เอ็ม ซี แก๊ส & ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด / เชียงราย

“บ้านเกิดผมอยู่ที่บางคล้า ฉะเชิงเทรา” คุณพงษ์ศักดิ์ เถียรทองกล่าว คุณพ่อโยกย้ายมาทำธุรกิจที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายตั้งแต่คุณพงษ์ศักดิ์ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่

ทุกวันนี้คุณพงษ์ศักดิ์กลายเป็นคนแม่จันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ครอบครัวนั้นทำธุรกิจอยู่ในสายพลังงานมาโดยตลอด ทั้งน้ำมัน และแก๊ส

สมัยที่เริ่มกิจการจำหน่ายแก๊สหุงต้มในแม่จันตอนนั้น อำเภอแม่จันยังเล็กมาก ถนนจากเชียงรายมายังแม่จันยังเป็นเพียงถนนเส้นเล็กๆ คุณพงษศักดิ์เล่าให้ฟัง

เริ่มต้นจากเล็กๆ ในปี 2525 ธุรกิจแก๊สบรรจุถังขยับขยายเติบโตตามระยะทาง เอ็ม ซี แก๊ส จดทะเบียนบริษัทเมื่อราวปีพ.ศ. 2535 ปรับสู่การบริหารจัดการที่เป็นรูปแบบ

กิจการแก๊สหุงต้มเกี่ยวโยงอยู่กับเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งจากเรื่องท่องเที่ยว การค้าขายข้ามแดน อำเภอใหญ่ๆ ของเชียงราย ก็มีการขยายตัวในด้านต่างๆ หลากหลาย ธุรกิจของ เอ็ม ซี แก๊ส เติบโตเคียงคู่ไปกับบริบทโดยรอบที่เปลี่ยนแปลงไป

แน่นอนว่าหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ธุรกิจก็อาจจะไม่เติบโต หรือในบางทีอาจจะไปไม่รอดก็เป็นได้ จากการพูดคุยกับคุณพงษ์ศักดิ์ทำให้ได้รับรู้ว่า ธุรกิจบรรจุแก๊สหุงต้ม มองจากคนภายนอกอาจดูเป็นธุรกิจที่ราบเรียบ แต่ในแวดวงกิจการ การดำเนินการนั้นมีการแข่งขันกันสูงเลยทีเดียว

สมัยก่อนผู้ประกอบการแถบเชียงรายจะวิ่งไปรับแก๊สกันที่ลำปางที่ขนส่งมาจากส่วนกลางผ่านทางรถไฟ เนื่องด้วยถนนหนทาง การคมนาคมในยุคก่อนนั้นยังไม่ดีเท่าปัจจุบัน ต่อมาเมื่อถนนได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ผู้ประกอบการก็เปลี่ยนเป็นวิ่งไปรับแก๊สจากคลังที่ส่วนกลางแทน เนื่อด้วยมีต้นทุนที่ถูกกว่า ด้วยเหตุนี้การขนส่งจึงเพิ่มบทบาทสำคัญขึ้น

คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า การขนส่งเป็นต้นทุนที่สำคัญมากสำหรับบริษัท เรียกได้ว่าถ้าบริหารต้นทุนในการขนส่งได้ดี กำไรในการทำธุรกิจก็จะเพิ่มมากขึ้น ด้วยเพราะสินค้าของ เอ็ม ซี แก๊ส คือ แก๊ส ที่ต้องนำมาจากแหล่งผลิต เพื่อมาเก็บไว้ในคลังของตนเอง จากนั้นจึงทยอยบรรจุใส่ถังจำหน่ายต่อให้กับลูกค้า ซึ่งก็คือบรรดาร้านค้าต่างๆ ที่จะไปขายต่อให้กับผู้ใช้งานทั่วไป

ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจมาสามสิบกว่าปี คุณพงษ์ศักดิ์บอกว่าน่าจะใช้รถมาครบเกือบทุกแบรนด์แล้ว แรกเริ่มกิจการมีรถหัวเดี่ยวสองคัน ค่อยๆ เพิ่มตามกิจการ และความต้องการ ปรับเปลี่ยนมาตลอด ก่อนที่จะปรับรถในฟลีทมาเป็นสแกนเนีย ในอดีตแบรนด์ที่ใช้มากที่สุดคือฮีโน่

ตอนนี้รถหัวเดี่ยวหรือสิบล้อเหลือไม่กี่คัน ใช้สำหรับสนับสนุนแก๊สไปยังสาขาย่อยของซึ่งมีระยะทางไม่ไกลมาก ส่วนที่วิ่งไกลเพื่อลงไปรับแก๊สจากคลังใหญ่นั้นใช้รถหัวลากของสแกนเนียทั้งหมด

สำหรับรถสแกนเนียนั้น คุณพงษศักดิ์กล่าวว่า รถดีจริง คนขับไม่เหนื่อย ที่สำคัญคือเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้นทำได้ดี ระยะทางต่อเที่ยวที่รถของ เอ็ม ซี แก๊ส วิ่งมีระยะทางอยู่ประมาณหนึ่งพันเจ็ดร้อยถึงหนึ่งพันแปดร้อยกิโลเมตร ก่อนจะเกิดโควิดนอกจากลงไปรับแก๊สที่ส่วนกลางแล้ว รถยังสลับวิ่งนำส่งแก๊สข้ามแดนไปลาวกับพม่าด้วย แต่ช่วงนี้โควิดทำให้ในส่วนของการขนส่งข้ามแดนหยุดไป

ในลาวนั้นรถของ เอ็ม ซี แก๊ส นำส่งแก๊สไปไกลสุดถึงเมืองหลวงน้ำทา ในพม่านั้นเข้าไปไกลสุดถึงเมืองเชียงตุง แน่นอนสำหรับทางภูเขานั้นรถสแกนเนียมีขีดความสามารถทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบความปลอดภัยครบครัน ที่จะช่วยให้คนขับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพปลอดภัย โดยไม่เหนื่อยกับการบังคับควบคุมรถ ทำให้มีสมาธิกับเส้นทางได้เป็นอย่างดี เพราะการขนส่งวัตถุอันตรายโดยเฉพาะแก๊สนั้นเรื่องความปลอดภัยในการนำส่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด

คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่าในหมวดพลังงาน ส่วนของแก๊สนั้น แวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่นก๊าซหุงต้ม มีความเปลี่ยนแปลงจากอดีตพอสมควร แม้ว่าจะขยับไม่มาก แต่ทว่าตลอดทางนั้นขยับขึ้นมาโดยตลอดและไม่มีตกลง

ในส่วนของราคาแก๊สนั้นความเป็นจริงราคากลางมีการปรับตัวอยู่ตลอด แต่ราคาขายปลีกนั้นถูกรัฐบาลควบคุมและกำหนดไว้อยู่ เพราะการเปลี่ยนแปลงราคาของแก๊สหุงต้ม ส่งผลกระทบกับประชาชนเป็นวงกว้างกว่าน้ำมัน ในส่วนของ เอ็ม ซี แก๊ส คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่าที่สำคัญในการทำธุรกิจก็คืองานบริการที่มีให้กับลูกค้า ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า สามสิบกว่าปีที่ผ่านมาชาวแม่จันต่างเชื่อมั่นกับแก๊สที่ซื้อจาก เอ็ม ซี แก๊ส “ความเชื่อถือในตัวเรา ที่มาจากลูกค้านั้นสำคัญ” คุณพงษ์ศักดิ์กล่าว

จากอดีตสู่ปัจจุบันสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดสำหรับแวดวงแก๊สหุงต้ม ทั้งการจัดเก็บ การขนส่ง การบรรจุ คือเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งคุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่าประเทศไทยถือว่าก้าวหน้ามาก รถของ เอ็ม ซี แก๊ส ที่ใช้ในการขนส่งแก๊สนั้นต้องได้รับการตรวจสอบทุกปี ทั้งหัวและตัวถังบรรจุ

ผลกระทบจากโควิดที่ทาง เอ็ม ซี แก๊ส ได้รับเป็นเรื่องของยอดการขายที่ลดลงบ้าง เป็นผลกระทบจากเรื่องของกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ลดลง โรงแรม ร้านอาหารขนาดใหญ่ที่หยุดให้บริการ โดยปกติใช้แก๊สหุงต้มต่อเดือนเป็นปริมาณที่ไม่น้อยเลยทีเดียว รวมทั้งในเรื่องของการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่หยุดไปเลยในช่วงโควิด

แน่นอนว่าขนาดของธุรกิจในหมวดแก๊สบรรจุถัง แม้ว่าจะไม่ใหญ่มาก เพราะแต่ละรายอาจจะมีตลาดเฉพาะพื้นที่ของตนเอง เช่น เอ็ม ซี แก๊ส มีอำเภอแม่จัน เป็นพื้นที่หลัก มีสาขาอยู่ที่แม่สาย เชียงของ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดออกไปสู่จังหวัดอื่นได้ เช่น เอ็ม ซี แก๊ส อาจจะเข้ามากทม. ก็สามารถทำได้ แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการขยับไปสู่มาตราเจ็ด นั่นคือเป็นคลัง เป็นผู้เล่นระดับขายส่ง ซึ่งต้องใช้ทุนจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว

คุณพงษศักดิ์กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “การขยับธุรกิจไปอีกขั้นหนึ่งอย่างเช่นในหมวดมาตรเจ็ดนั้น ต้องเป็นเรื่องของคนรุ่นถัดไปว่าเขาจะเอาอย่างไร”

ช่วงเวลาก่อนที่คุณพงษ์ศักดิ์จะมาถึง เรามีโอกาสเดินดูพื้นที่ของ เอ็ม ซี แก๊ส ได้เห็นการจัดการอย่างเป็นระบบ ได้เห็นการใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยในการจัดการบรรจุแก็สลงถัง เมื่อนั่งสนทนาเราจึงถามถึงเรื่องของการลงทุน การนำเทคโนโลยี เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยมาใช้ในกิจการ

คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า ในความเป็นจริงเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ทุกคนเข้าถึงได้โดยง่าย ไม่ใช่ของแปลก แต่สำหรับบางคนอาจมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน แต่สำหรับ เอ็ม ซี แก๊ส เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย นำมาใช้งานแล้ว เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการทำงาน เช่นเครื่องบรรจุแก๊ส สามารถลดเวลาในการทำงานลง ลดจำนวนคนลง ที่สำคัญมีความแน่นอนในการบรรจุแก๊สเข้าถังแต่ละครั้ง ไม่สูญเสีย รวมทั้งมีความปลอดภัยสูง

“ก่อนจะลงทุน เราดูความน่าจะเป็น ทำการบ้าน มองอนาคต เมื่อเห็นถึงความคุ้มค่า เราก็ลงทุน” คุณพงษ์ศักดิ์กล่าว สำหรับการลงทุนในเครื่องไม้ เครื่องมือต่างๆ นั้น คุณพงษ์ศักดิ์บอกว่า ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจแต่ละคนมีมุมมองแตกต่างกันไป ไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกใครผิด

ทำอย่างไรให้ทีมงานทุ่มเททำงาน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า คุณพงษศักดิ์ตอบกลับมาว่า “เราต้องคุยกับทีมบ่อยๆ รับฟังปัญหา และทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันเมื่อผู้นำมีอะไรใหม่ๆ มีความรู้ใหม่ๆ ก็ต้องถ่ายทอดให้กับทีมฟัง พร้อมกันนั้นเมื่อเราต้องการอะไรก็ต้องแจ้งให้กับทุกคนในทีมรับรู้”

ทุกวันนี้สแกนเนียทั้งหกคันทำหน้าที่วิ่งรับแก๊สจากคลังมาเติมใส่ถังสำหรับจัดเก็บที่ตัวสถานีจ่ายแก๊สของ เอ็ม ซี แก๊ส ที่อำเภอแม่จัน เพื่อใช้สำหรับจำหน่ายปลีกให้กับลูกค้าโดยบรรจุลงถังเล็กส่งไปยังตัวแทนจำหน่ายที่เป็นบรรดาร้านแก๊สตามชุมชนต่างๆ นอกไปจากนั้นอีกส่วนหนึ่งก็นำส่งไปยังสาขาย่อยที่อำเภอแม่สาย และเชียงของ โดยใช้รถบรรทุกสิบล้อติดแท๊งค์ในการนำส่งอีกทอดหนึ่ง

“สินค้าดี จะแสดงออก เมื่อเราได้ใช้งาน” คุณพงษศักดิ์กล่าว ด้วยเหตุนี้เมื่อสแกนเนียชุดแรกเริ่มเข้าประจำการ ผ่านการใช้งานไประยะหนึ่ง คุณสมบัติที่โดดเด่นด้านต่างๆ ก็แสดงออกให้ได้สัมผัส “เมื่อดีจริงเราก็จัดซื้อเพิ่ม” คุณพงษ์ศักดิ์กล่าว ทางสแกนเนียทยอยส่งมอบรถมาต่อเนื่องตามกรอบเวลาและคำสั่งซื้อ ปัจจุบันรถสแกนเนียทั้งหกคัน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กิจการของ เอ็ม ซี แก๊ส เดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถควมคุมเรื่องต้นทุนในการขนส่งได้ตามแผนที่วางไว้

สามสิบกว่าปีสำหรับการนำพา เอ็ม ซี แก๊ส รับใช้ชาวอำเภอแม่จัน บริษัทได้รับการตอบรับ สนับสนุนจากผู้คนในท้องถิ่น เวลาสังคมมีงานมีกิจกรรมอะไร บริษัทก็เสนอตัวไปช่วยเหลือ เพราะ เอ็ม ซี แก๊ส ถือเป็นส่วนหนึ่งของแม่จัน คุณพงษศักดิ์กล่าว

ทุกวันนี้โดยส่วนตัวของคุณพงษศักดิ์ เมื่อว่างจากงาน ก็หยุดพักออกเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ เราถามว่าเวลาออกต่างประเทศได้ดูกิจการ ดูเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำอยู่ไหม “ดูซิ สนุกนะ ผมขอเข้าไปดูถึงครัวเลยใช้แก๊สกันอย่างไร”

ธุรกิจเมื่อทำด้วยความรัก ความสนุก ย่อมขยับเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความมีชีวิตชีวา ทุกวันนี้แม้ว่าอายุจะเลยหกสิบแล้ว แต่เท่าที่เราสังเกตุ ตลอดเวลาที่ได้สนทนากัน คุณพงษ์ศักดิ์ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้ว่าจะบอกว่าอนาคตของ เอ็ม ซี แก๊ส ไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง เป็นเรื่องของคนรุ่นถัดไปว่าจะทำกันอย่างไร แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าคุณพงษศักดิ์เองยังสนุกอยู่กับงานและพร้อมรับมือกับความท้าทายๆ ใหม่ ในโลกยุคที่การมาถึงของโควิดเร่งเร้าให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย ไม่มีใครรู้ได้ว่า Next Normal ที่รออยู่คืออะไร

บริษัทถนอม ทรานสปอร์ต

เรื่องชวนหัวที่สุดในการสนทนาที่คุณธนู หมายแร่ เจ้าของบริษัทถนอม ทรานสปอร์ต เล่าให้ฟัง เมื่อครั้งที่เราแวะไปเยือน คือ ในช่วงเริ่มต้นกิจการในยุคแรกนั้น ยังใช้รถมือสอง รถบรรทุกเก่าอยู่ มีทั้งที่สภาพดีและสภาพที่สมบุกสมบันจากการใช้งาน มีอยู่วันหนึ่งแวะไปหาลูกน้องที่บริษัทแห่งหนึ่ง บริเวณลานจอดรถ ขณะกำลังมองหาคนขับของตัวเองอยู่แถวลานจอดรับสินค้า ผู้ว่าจ้างผ่านมาพอดี เห็นรถของถนอมเข้า ก็กล่าวกับผู้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นทำนองว่าไอรถโกโรโกโสคันนี้ของใครยังวิ่งได้อยู่อ’กหรือ คุณธนูยืนอยู่แถวนั้นได้ยินเข้าพอดี รถคันนั้นตัวเองเป็นเจ้าของ ได้ยินแล้วสะดุ้งตกใจรถเรานี่นา คุณธนูเล่าพร้อมหัวเราะ

นับแต่นั้นมารถของบริษัทถนอมก็ปรับปรุง เริ่มเติมรถใหม่เข้าสู่ฟลีท เพราะเห็นความสำคัญของยานพาหนะที่นำมาวิ่งงาน รถที่มีคุณภาพนั้นสำคัญ นอกจากเรื่องของความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นเรื่องของภาพลักษณ์องค์กรทั้งของบริษัทถนอม และบริษัทลูกค้าที่บริษัทถนอมไปรับวิ่งขนส่งสินค้าให้ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณธนูให้ความสำคัญเสมอมาในการดำเนินกิจการรับจ้างขนส่งสินค้า

ตลอดหนึ่งชั่วโมงของการสนทนา แม้ว่าเรื่องราวจะกระโดดไปมา ย้อนไปอดีตบ้าง วนกลับมาที่ปัจจุบันบ้าง แต่ทุกจุดที่การสนทนานำไป ก็มีแง่มุมที่น่าสนใจให้ได้จดเก็บไว้มาเล่าสู่กันฟัง

Asian Trucker แวะลงมาภาคใต้ ได้มีโอกาสสนทนากับเจ้าของกิจการหลายท่าน ซึ่งแต่ละคนก็บุกเบิกกิจการของตนเองมาตามแนวทาง วิถีทางของตนเอง บุคคลิกของผู้คนทางภาคใต้แตกต่างจากภาคอิสานที่เราแวะเป็นเยือนมาบ่อยครั้ง แต่ทุกบริษัทที่เติบโตจากอดีตมาจนปัจจุบัน จะมีสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงเข้าหากันได้ นั่นคือ ทุกคนดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ให้ความสำคัญกับมาตรฐานในการทำงานอย่างสูง เพราะเชื่อมั่นว่าคุณภาพในการทำงานให้ลูกค้านั้นสำคัญ

คุณธนูคลุกคลีกอยู่กับแวดวงขนส่งมาสามสิบกว่าปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ขับรถเอง วิ่งหางานเอง ตั้งแต่ทำงานร่วมกับพี่ชาย จนกระทั่งมาเปิดกิจการเป็นของตนเอง กับบริษัทถนอม ทรานสปอร์ต สร้างกิจการจากรถบรรทุกเก่ามือสอง จากรถสองคัน ก้าวสู่รถใหม่ทั้งฟลีท ปรับตัวตามสถานการณ์รอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม จนกระทั่งปัจจุบันรถในฟลีทที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจอยู่มีทั้งหมดสิบสามคัน ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและยุโรป

กับรถยุโรปนั้นบริษัทถนอม ทรานสปอร์ต เพิ่งจัดเข้าฟลีท โดยเลือกใช้สแกนเนีย P360 (สองคันแรกรับมอบไปเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2020) ซึ่งคุณธนูบอกว่าประทับใจในคุณภาพของสแกนเนียเป็นอย่างมาก เริ่มจากอัตราการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงที่ทำได้จริง จากการการันตีของทีมงานสแกนเนีย แม้ว่าตอนนี้สองคันแรกที่เริ่มวิ่งงานนั้น คนขับยังต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับรถใหม่อยู่ จากเดิมที่คุ้นชินกับการขับรถญี่ปุ่นเกียร์ธรรมดา มาสู่เกียร์ออโต้ในรถสแกนเนีย รวมไปถึงฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับคนขับรถ (เมื่อปลายเดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมา สแกนเนีย ส่งมอบ P360 อีกสามคันให้กับบริษัทถนอม ทรานสปอร์ต)

คุณธนูบอกว่าสมัยที่ยังขับเองเมื่อก่อนนั้น ถนนจากภาคใต้ขึ้นกรุงเทพฯไม่ได้สะดวกสบายเช่นนี้ แต่ในสมัยนั้นก็สนุกมาก ผู้คนบนท้องถนนไม่ได้ขับรถน่ากลัวเช่นทุกวันนี้ กับการบริหารงานเรื่องรถ เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น เมื่อก่อนปล่อยรถออกไปแล้ว รถวิ่งอยู่ที่ไหนบ้างไม่รู้เลย มีบางครั้งเพื่อนฝูงผ่านไปเจอ โทรมาบอก เห็นรถไปจอดอยู่นานแล้ว ไปจอดทำอะไรตรงนั้น ตัวเจ้าของรถเองไม่รู้เลย นึกว่ารถวิ่งงานอยู่ พอมี GPS มาหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเลย

ปัจจุบันบริษัทถนอม รับวิ่งขนส่งวัตถุดิบให้กับบริษัทใหญ่ทั้งของคนไทย และบริษัทข้ามชาติหลายบริษัท โดยเฉพาะน้ำยางเป็นวัตถุดิบหลักที่ทางบริษัทถนอมขนส่งให้กับลูกค้าอยู่ ในอดีตบริษัทถนอมเคยรับขนส่งน้ำมันปาล์มมาก่อน แต่ปัจจุบันในหมวดน้ำมันปาล์มมีอยู่ในรายการขนส่งไม่มากนัก คุณธนูกล่าวว่าน้ำมันปาล์มนั้นแข่งขันเรื่องราคาในการขนส่งกันสูง ไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะไปแข่งขันเพื่อให้ได้งานมา คุณธนูกล่าวว่า ปริมาณรถที่มีอยู่ตอนนี้นับได้ว่ากำลังพอดี เคยขยายไปมากกว่านี้แล้วไม่ไหว ต้องทุ่มเทพลังในการบริหารจัดการเยอะ จำนวนรถสิบกว่าคันในตอนนี้กำลังพอเหมาะ ถึงยุ่งก็ไม่ยุ่งมาก สัดส่วนของญี่ปุ่นกับยุโรปก็กำลังดี ในอนาคตถ้าสแกนเนียที่เพิ่งเริ่มนำเข้ามาใช้งานให้ผลลัพธ์ที่ดี หากมีการปลดรถญี่ปุ่นเมื่อครบอายุการใช้งานออกก็อาจจะปรับเป็นรถยุโรปทดแทน

เราถามถึงความยากง่ายในสายอาชีพธุรกิจขนส่งที่ทำอยู่นี้คืออะไร สำหรับคุณธนู “โดยส่วนตัวผมว่ามันท้าทายดี มันมีปัญหาให้แก้ไขอยู่เรื่อย สนุกกับมัน มีความสุขทุกวันที่ได้ทำงาน” คุณธนูกล่าว ปัจจุบันไม่เพียงแต่วิ่งงานของตนเองเท่านั้น รถของบริษัทถนอมยังช่วยวิ่งงานให้บริษัทเพื่อนๆ ที่เป็นพันธมิตรกันด้วย เช่นเดียวกันงานของทางบริษัทถนอมบางครั้งก็มีรถของเพื่อนมาวิ่งให้ด้วย การดำเนิธุรกิจที่มีการรวมกลุ่มกันเฉกเช่นนี้ทำให้ไม่ต้องเพิ่มรถมากเกินความจำเป็น เพราะงานบางงานนั้นไม่ได้ผูกกันยาว เวลางานหมดแต่รถยังต้องผ่อนโดยไม่ได้วิ่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องสนุก การแชร์รถที่มีอยู่ช่วยงานกันจึงเป็นระบบที่ดี แต่ก็ต้องดูพันธมิตรที่มาทำงานด้วยว่ามีรูปแบบการทำงานเป็นอย่างไร สอดคล้องกันหรือไม่ สามารถพูดคุยกันได้หรือไม่

ทุกวันนี้สินค้าหลักอย่างน้ำยางและกาว แท๊งค์ของบริษัทถนอมสามารถใช้วิ่งงานได้สองประเภท ช่วยในเรื่องต้นทุนได้ ไม่ต้องลงแท๊งค์สองแบบ บริษัทถนอม รักษามาตรฐานในการทำงานอย่างไร คุณธนูกล่าวว่า เบื้องต้นเข้มงวดกับคนขับเรื่องการดูแลรถ อุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมรับงานอยู่เสมอ เพราะกับบริษัทที่เป็นแบรนด์ต่างชาตินั้นเข้มงวดมากเรื่องรถที่จะเข้าไปในโรงงาน หากผิดพลาดอะไรขึ้นมาต้องสูญเสียงานเพราะอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานไม่คุ้มค่าเลย รักษาเวลาที่ใช้ในการขนส่ง คุณธนูกล่าวว่า บอกลูกน้องที่เป็นทีมคนขับเสมอว่า ง่วงจอดนอนไม่เป็นไร แต่ต้องโทรแจ้งบริษัทด้วย เพื่อจะได้วางแผนในการตอบคำถามกับลูกค้าในกรณีที่รถไปถึงล่าช้า มารยาทของคนขับรถสำคัญ คุณธนูกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “คนขับรถชาวใต้โดยบุคคลิกก็จะพูดเสียงดังบ้าง แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไร”

คนขับเป็นฟันเฟืองที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนส่ง คุณธนูกล่าวว่า ถึงแม้ว่าตนเองจะเข้าใจธรรมชาติคนขับรถทุกอย่าง เพราะเริ่มต้นสร้างเนื้อสร้างตัวจากการเป็นคนขับมาก่อน การบริหารจัดการคนขับรถนับเป็นปัญหาที่ปวดหัวที่สุด “ถ้าเป็นไปได้ผมอยากมีคอมพิวเตอร์มาขับรถ กดปุ่มเสร็จรถวิ่งไปส่งสินค้าให้เรา” คุณธนูกล่าวพร้อมหัวเราะ เมื่อเราถามถึงการบริหารจัดการเรื่องคนขับรถ

“บริษัทถนอม ขนส่งสินค้า ต้องทำให้ลูกค้าไว้วางใจ เวลาที่ไปวิ่งงานให้กับบริษัทที่มีมาตรฐานสูง เราก็ต้องขยับมาตรฐานของเราให้สูงตามไปด้วย” คุณธนูเปิดเผยว่า “รถสแกนเนียไปวิ่งงานให้ลูกค้า เวลาที่ลูกค้าเห็นเครื่องมือทำงานดีมีมาตรฐานสูง ลูกค้าเขาก็สบายใจ มันมีผลกับการได้รับงานด้วยเช่นกันแม้ว่าจะต้องดูเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วยก็ตาม ยิ่งพอเป็นบริษัทต่างชาติเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือสำคัญมาก” คุณธนูกล่าว

เมื่อรถที่ใช้งานในฟลีท ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือญี่ปุ่น เป็นรถใหม่โอกาสที่จะเกิดปัญหาก็น้อย คุณธนูอยู่ในแวดวงนี้มานาน เวลาคนขับทำอะไรก็จะรู้ทัน การบริหารทีมคนขับใช้หลักการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ในส่วนของลูกค้านั้น ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ทันท่วงที แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ฉับไว ไม่ปล่อยปัญหาให้ค้างคา “ผมอาจจะมีโชคอยู่ด้วยนะ เวลาทำงาน ทุกทีเวลาลูกค้าโทรมาจะใช้รถ รถเรามีพร้อมอยู่ตลอด บางครั้งเขาโทรไปที่อื่นแล้วไม่ได้ โทรมาที่เรา เรามีให้ตลอด” คุณธนูกล่าว

สถานะของบริษัทถนอม ทรานสปอร์ตในวันนี้ ค่อนข้างจะมั่นคง แต่ก็อย่างที่คุณธนูกล่าว ถ้ายังดำเนินธุรกิจอยู่ ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา การตัดสินใจเติมรถสแกนเนียเข้าสู่ฟลีท นับเป็นอีกหนึ่งก้าวย่างที่สำคัญของบริษัทถนอม ทรานสปอร์ต การมีเครื่องมือการทำงานที่มีคุณภาพอยู่ในบริษัท ให้ประโยชน์หลายด้าน รถสแกนเนียทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ประหยัดขึ้น รถยุโรปรอบการบำรุงรักษายาวนานกว่า คุณธนูยังกล่าวว่า ลูกค้าเห็นรถของถนอมก็มีความไว้วางใจในการมอบหมายให้ขนส่งสินค้า เวลาถนอมจะรับงานจากลูกค้าใหม่ก็ได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น แต่แน่นอนว่างานบริการที่ทำดีมาแต่เดิมก็ต้องรักษาไว้ เครื่องมือที่ดีมาเติมทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วดีเพิ่มขึ้นไปอีก

บางพลีใหญ่ ขนส่ง

เติบโตมาอย่างมั่นคง เราอาจกล่าวคำนี้ได้ สำหรับบางพลีใหญ่ ขนส่ง ของคุณสุวิทย์ ดุรงค์พันธ์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง

ก่อนหน้าที่เราจะมาเยือนบางพลีใหญ่ ขนส่ง K-MAN Auto Service เพิ่งส่งมอบรถหัวลาก MAN จำนวนห้าคันให้กับบางพลีใหญ่ ขนส่ง เพื่อใช้งานขับเคลื่อนกิจการ เป็นเวลาสามสิบกว่าปีแล้วที่คุณสุวิทย์คลุกคลีอยู่ในแวดวงขนส่ง โดยเฉพาะสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าส่งออก ที่ทำมาตั้งแต่แรกเริ่ม

คุณสุวิทย์ ย้อนความให้ฟังว่า ในยุคแรกที่ทำนั้นใช้รถหกล้อ สิบล้อ เพราะสินค้าที่จะส่งออกในสมัยนั้น รับจากต้นทางที่บริษัทของลูกค้า จากนั้นจึงวิ่งไปบรรจุตู้ที่ท่าเรือ ไม่ได้บรรจุตู้เรียบร้อยตั้งแต่ต้นทางก่อนไปท่าเรือเหมือนในยุคนี้ การขนส่งพัฒนามาตามลำดับ พร้อมๆ กับการเติบโตของบริษัทบางพลีใหญ่ ขนส่ง จากรถหกล้อ สิบล้อ มาสู่รถหัวลาก พร้อมหาง เพื่อลากตู้สินค้าของลูกค้า

ผู้คนในแวดวงขนส่ง มักจะเข้าใจว่าบริษัทของคุณสุวิทย์มีชื่อว่าพรโสภา เพราะรถของบางพลีใหญ่ ขนส่งจะติดชื่อบริษัทไว้ที่ประตูรถทั้งสองข้าง แต่บริเวณหัวรถตรงปีกหมวกบังลมว่าจะติดสติ๊กเกอร์ตัวใหญ่ว่า “พรโสภา” คุณสุวิทย์อธิบายให้ฟังว่า “พรโสภา” คือพรของแม่ คุณแม่ของคุณสุวิทย์มีชื่อว่าโสภา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงาน คุณสุวิทย์จึงนำชื่อของแม่มาติดไว้ที่รถทุกคัน พรโสภาในความหมายที่แท้จริงคือ พรของแม่นั่นเอง “พรโสภา” ถูกติดรถไว้ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในยุคแรกเริ่ม

แน่นอนคำถามที่ผู้ประกอบธุรกิจแทบจะทุกหมวดน่าจะต้องโดนถาม สถานการณ์โดยรวมของธุรกิจ ในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด คุณสุวิทย์บอกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในชีวิตที่ทำธุรกิจ ทุกๆ สิบปีจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นเสมอ “สำหรับบางพลีใหญ่ ขนส่ง จะเรียกว่าเป็นโชคดีก็ได้ ทุกครั้งที่วิกฤตมา เราผ่อนหนี้สินที่เป็นการลงทุนของเราหมดพอดีแทบจะทุกครั้ง”

สำหรับวิกฤตในรอบนี้คุณสุวิทย์บอกว่า ผ่อนที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งถาวรของบางพลีใหญ่ ขนส่งหมดพอดี ทำให้สามารถประคับประคองธุรกิจให้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้บางพลีใหญ่ ขนส่งสามารถเติบโตมาอย่างต่อเนื่องนั้น ที่สำคัญคือมาตรฐานงานบริการที่บางพลีใหญ่ ขนส่ง มีให้กับลูกค้า ซึ่งคุณสุวิทย์ให้ความสำคัญและรักษาไว้ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินกิจการด้านการขนส่งภายใต้ชื่อบางพลีใหญ่ ขนส่ง

ลูกค้าสามร้อยกว่ารายที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้บริการ เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญลูกค้าเก่าที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก็ยังคงอยู่

ผลสำเร็จระยะยาวสำคัญกว่าผลสำเร็จระยะสั้น เมื่อมองถึงเป้าหมายระยะยาวคือการเติบโตอย่างยั่งยืน การเลือกรับงานของบางพลีใหญ่ ขนส่งจึงมองที่ประสิทธิผล คุณภาพ ไม่ใช่จำนวนเงิน นั่นคือบางพลีใหญ่ ขนส่ง มีมาตรฐานเรื่องราคาชัดเจนในการวิ่งงาน ไม่ลงไปเล่นเรื่องราคาเพื่อที่จะให้ได้งานมา ลูกค้าของบางพลีใหญ่ ขนส่ง ได้รับการบริการตามคิวที่จองเข้ามา ไม่มีเลือกว่าเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเสมอภาค ไม่มีนโยบายที่จะกวาดรับงานทุกอย่างที่เข้ามาเพื่อทำตัวเลขอย่างเด็ดขาด เพราะคุณสุวิทย์มองว่าการทำเช่นนั้นไม่ส่งผลดีในระยะยาว หลังจากย้ายที่ตั้งมาหลายที่ ในที่สุดบางพลีใหญ่ ขนส่งก็สร้างสำนักงานถาวรบนพื้นที่สามสิบกว่าไร่ ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ แม้ว่าพื้นที่ทั้งหมดจะยังไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหลือการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ลานจอดรถขนาดใหญ่พอท่ีจะรองรับรถทั้งหมดของบางพลีใหญ่ ขนส่ง โรงซ่อมบำรุงทั้งฝั่งเครื่องยนต์และฝั่งตัวถัง คลังอะไหล่ จัดวางอย่างเป็นระบบ อาคารสวัสดิการที่พักสำหรับพนักงานขับรถสองหลัง การลงทุนสิ่งต่างๆ ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความมีมาตรฐานของบางพลีใหญ่ ขนส่ง ในการดำเนินธุรกิจ

ไม่เพียงเท่านั้น คุณสุวิทย์ให้ความสำคัญกับพนักงานขับรถ เพราะถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินกิจการ อาคารที่พักที่ลงทุนหลายล้านบาท เพื่อให้ทีมคนขับรถได้พักอาศัย โดยจ่ายแต่เพียงค่าบำรุงรักษาส่วนกลางเดือนละพันกว่าบาท น้ำ ไฟ จ่ายตามการใช้จริง เพื่อที่จะให้คนขับมีเวลาพักผ่อนเต็มที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ขับรถกลับมาจากการวิ่งงานแต่ละวันจอดรถเสร็จ สามารถเดินเข้าที่พักได้เลย เมื่อคนขับพักผ่อนได้เต็มที่การทำงานก็มีประสิทธิภาพ

นอกไปจากนั้นบางพลีใหญ่ ขนส่ง ยังให้ความสำคัญกับเครื่องมือในการทำงานคือรถ ในฟลีทของบางพลีใหญ่ มีทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรป ทั้งหมดเป็นรถใหม่มือหนึ่ง มีอายุการใช้งานที่ชัดเจน ครบกำหนดเวลาเปลี่ยนรถเก่าออกทดแทนเข้ามาด้วยรถใหม่ เหตุผลสำคัญคือคนขับ บางพลีใหญ่ ขนส่ง ดูแลคนขับเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เมื่อรถมีคุณภาพ คนขับไม่เหนื่อยมาก การขับขี่ก็มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย สินค้าของลูกค้าถึงที่หมายตามกำหนดเวลา ผู้ร่วมใช้ท้องถนนก็ปลอดภัย ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด แน่นอนว่าการใช้เครื่องมือมีคุณภาพ ราคาของบางพลีใหญ่ ขนส่งอาจสูงกว่าเจ้าอื่นๆ แต่ก็มีลูกค้าที่ยอมจ่าย เหตุผลสำคัญคือ เครื่องมือที่ดี คนขับที่ดี มาตรฐานงานที่ดี ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ดีกว่าเลือกถูกแต่ต้องกังวลว่าสินค้าจะถึงปลายทางแบบไหน อย่างไร

“เราบอกลูกค้าถึงเหตุผลที่ราคาของบางพลีสูงกว่าคนอื่น” คุณสุวิทย์กล่าว “เราใช้รถดี คนขับเราไม่เหนื่อยในการเดินทาง คุณภาพในการขับรถเขาก็ดี สินค้าที่ขนส่งก็มีความปลอดภัยสูงในการไปถึงที่หมาย”

รถนับเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญ สำหรับบริษัทขนส่ง ล่าสุดก่อนพบกัน บางพลีใหญ่ ขนส่งเพิ่งรับมอบรถหัวลากแบรนด์ เอ็ม เอ เอ็น โดยมี K - MAN Auto service ตัวแทนจำหน่ายรถหัวลาก เอ็ม เอ เอ็น ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก เอ็ม เอ เอ็น จากเยอรมันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีเอ็ม เอ เอ็น สีฟ้าสดใสห้าคันเข้าประจำการ ทำงานให้กับบางพลีใหญ่ ขนส่ง ซึ่งมาตรฐานของเอ็ม เอ เอ็น เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง มาในปีนี้จึงซื้อเพิ่มเข้าฟลีทอีกห้าคัน เพื่อเสริมศักยภาพในการทำงานวิ่งงานให้กับลูกค้าของบางพลีใหญ่ ขนส่ง

คุณสุวิทย์กล่าวว่า การเลือกใช้เอ็ม เอ เอ็น ไม่ใช่เหตุผลที่ว่ารถดีอย่างเดียว เรื่องคุณภาพรถของเยอรมันเป็นสิ่งที่การันตีได้อยู่แล้ว แต่ทว่าที่สำคัญคืองานบริการ ใครเป็นคนขายรถให้ ใครจะเป็นคนคอยดูแลตลอดอายุการใช้งานของรถ รายละเอียดตรงจุดนี้สำคัญมาก

เอ็ม เอ เอ็น ชุดแรกของบางพลีใหญ่ ได้รับการดูแลจาก K - MAN Auto Sevice อย่างดี ทำให้บางพลีใหญ่ ขนส่งสามารถทุ่มเทสมาธิไปกับการบริหารธุรกิจได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมาพะวงเรื่องการดูแลรถ แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่น แต่คุ้มค่ากว่าเมื่อใช้งาน ทั้งค่าบำรุงรักษา คุณภาพ ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือเมื่อไปวิ่งงานให้กับลูกค้า บางพลีใหญ่ ขนส่ง มีลูกค้าเป็นบริษัทมหาชน และบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัท ด้วยเหตุนี้การสร้างมาตรฐานในการทำงานทั้งเรื่องของทรัพยากรบุคคล และเครื่องมือในการทำงาน จึงมีความสำคัญ เพราะรถเมื่อไปวิ่งขนส่งสินค้าให้ลูกค้าถือเป็นภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งของลูกค้าด้วยเช่นกัน โตไปด้วยกัน รูปแบบการวิ่งงานและการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างบางพลีใหญ่ ขนส่ง กับคนขับรถ

คุณสุวิทย์เล่าให้ฟังว่าปัจจุบันการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานขับรถกับบริษัทคือ บางพลีใหญ่แบ่ง 45% จากราคางานที่รับมาแต่ละงานให้กับคนขับไปเลย น้ำมันเป็นของคนขับรถ มีข้อแม้ว่าคนขับต้องเติมน้ำมันกับบริษัท ในแต่ละเดือนบริษัทจะหักค่าน้ำมันในการวิ่งงานออกจากส่วนแบ่งแต่ละงานที่คนขับได้รับไป แรกเริ่มที่นำแนวความคิดนี้มาใช้ คนขับไม่คุ้นชินและมีต่อต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ลอง เริ่มต้นจากความสมัครใจผสมผสานรูปแบบใหม่กับรูปแบบเดิม ในท้ายที่สุดระบบใหม่แสดงผลให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพและได้ประโยชน์กับคนขับมากกว่าเดิม ทำให้ในท้ายที่สุดแล้วระบบการแบ่งปันค่าตอบแทนของบางพลีใหญ่ ขนส่งจึงเป็นการแบ่งสัดส่วนของค่าจ้างการขนส่งให้กับคนขับ 45% น้ำมันเป็นของคนขับ เป็นมาตรฐานในการทำงาน

ระบบนี้สร้างวินัยการขับรถขึ้นโดยปริยาย เพราะคนขับต้องการให้เกิดการประหยัดสูงสุดเพื่อเหลือส่วนต่างค่าน้ำมันกลับคืนสู่กระเป๋า เมื่อรถขับโดยไม่ใช้ความเร็วเกินความจำเป็น จึงนำมาสู่ความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่ได้ประโยชน์ทั้งบริษัท ตัวคนขับ และส่วนรวมคือประชาชนผู้ใช้ท้องถนน

วันนี้บางพลีใหญ่ถือได้ว่ายืนอยู่ในจุดที่มั่นคง และยังรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่นที่คุณสุวิทย์กล่าว ความสำเร็จระยะยาวสำคัญกว่าความสำเร็จระยะสั้น

ปรมี กรุ๊ป เดินหน้าขยายศูนย์กระจายสินค้า

ปรมี กรุ๊ป เดินหน้าขยายศูนย์กระจายสินค้า พร้อมทุ่มทุนเทคโนโลยีเพื่อการขนส่งอาหารแช่แข็งที่สดใหม่ปลอดภัย รองรับความต้องการอาหารแช่แข็ง อาหารแช่เย็น หรืออาหารที่ควบคุมอุณหภูมิ ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ย้ำ โควิด19 กระตุ้นความต้องการวัตถุดิบประเภทอาหารเพิ่มสูงขึ้น เน้นลงทุนใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการขนส่งสินค้าที่สดใหม่ ปลอดภัย

บริษัท ปรมี ลอจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือปรมี กรุ๊ป เดินหน้าขยายงานสร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่พิษณุโลก เพื่อรองรับความต้องการอาหารแช่แข็งที่เพิ่มขึ้นในเขตภาคเหนือ อีกทั้งยังลงทุนเพิ่มในเทคโนโลยีระบบควบคุมอุณหภูมิ และระบบโอโซนฆ่าเชื้อที่ทางบริษัทได้คิดค้นและติดตั้งภายในตู้ขนส่งสินค้าทำให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารครบวงจรขนาดใหญ่ แม้ในช่วงที่มีการระบาดเชื้อไวรัส โควิด19 ที่หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ แต่บริษัทฯซึ่งอยู่ในธุรกิจขนส่งสินค้าประเภทอาหารยังคงมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัท ปรมี ลอจิสติกส์ จำกัด เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ และจัดจำหน่ายอาหารแช่แข็ง อาหารทะเล และสินค้าตามฤดูกาลอื่น ๆ แบบครบวงจร ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 และได้มีการขยายงานไปสู่ธุรกิจขนส่งสินค้าอย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2545 เพื่อรับบริการขนส่งสินค้าทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ โดยใช้รถบรรทุกติดตั้งตู้เย็นควบคุมอุณหภูมิโดยเฉพาะ ซึ่งฐานธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ที่ภาคเหนือ

นางสาวณัฐฌาย์ สุรดิษอังก์วรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปรมี ลอจิสติกส์ จำกัด เปิดเผยว่าจากวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด19 ทำให้ผู้บริโภคได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคจากการรับประทานอาหารนอกบ้านมาเป็นการปรุงอาหารรับประทานในครอบครัว รวมไปถึงการเติบโตของการสั่งอาหารผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ความต้องการวัตถุดิบประเภทอาหารแช่แข็งยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

“เราโชคดีที่อยู่ในธุรกิจขนส่งสินค้าประเภทอาหาร ดังนั้นในช่วงที่มีการระบาดของโควิด19 เราไม่ได้รับผลกระทบในเชิงลบ แต่กลับได้รับผลดีในเชิงบวกเพราะอาหารถือเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญที่สุด แม้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้น ทำให้งานขนส่งของเราไม่สะดุด และยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามอบหมายงานให้อย่างต่อเนื่อง” นางสาวณัฐฌาย์ กล่าว

ปัจจุบัน ปรมี กรุ๊ป มีศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งลานจอดรถบรรทุกและห้องเย็นเก็บสินค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี โดยล่าสุดขณะนี้ ปรมี กรุ๊ป ได้ดำเนินการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมอีก 1 แห่งที่จังหวัดพิษณุโลก บนพื้นที่ 3 ไร่ ซึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้วและให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นไป

นางสาวณัฐฌาย์ กล่าวเพิ่มว่า “สาเหตุสำคัญที่เราได้รับความไว้วางใจให้บริการกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตอาหารครบวงจรขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง คือคุณภาพการบริการอย่างมีมาตรฐาน การรักษา KPI ของลูกค้า และความชำนาญในเรื่องของงานขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิโดยเฉพาะ รวมถึงการไม่หยุดพัฒนาศักยภาพพนักงาน และที่สำคัญคือการมุ่งเน้นในการลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการขนส่ง อาทิเช่น: - อุปกรณ์และระบบตรวจจับอุณหภูมิในตู้คอนเทนเนอร์แบบไร้สายที่ทางบริษัทฯ จับมือกับพันธมิตรพัฒนาระบบนี้มาโดยเฉพาะ ทำให้สามารถตรวจสอบได้แบบออนไลน์ และแจ้งเตือนได้ทันทีหากอุณหภูมิในรถมีความผิดปกติ ทำให้ลูกค้าวางใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นจะได้รับการขนส่งได้สดใหม่ และทันเวลา - ระบบการแบ่งห้องภายในตู้คอนเทนเนอร์ โดยสามารถสร้างห้องภายในให้มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถขนส่งสินค้าที่ต้องการการรักษาความเย็นที่แตกต่างกันได้ และลดต้นทุนให้กับลูกค้า - ระบบ Ozone ที่ถูกติดตั้งภายในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้อไวรัส ปกป้องการปนเปื้อนในสินค้าทำอาหารให้สะอาด ปลอดภัย สำหรับลูกค้าในกลุ่มห้างขายส่งขนาดใหญ่

“ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญ และทำให้ลูกค้าของเรามั่นใจ และเรียกใช้บริการ บริษัท ปรมี ลอจิสติกส์ จำกัด โดยตลอด” นางสาวณัฐฌาย์ กล่าว ปัจจุบัน บริษัทฯ มีรถบรรทุกให้บริการรวมกว่า 120 คัน ล่าสุดได้มีการสั่งซื้อรถยูดี ทรัคส์ จำนวน 20 คัน โดยเป็น รุ่น Croner PDE 6x2 16 คัน และ รุ่น Quester เกียร์กึ่งอัตโนมัติ Escot 6x2 4 คัน เพื่อรองรับกับตลาดขนส่งอาหารแช่แข็ง และแช่เย็น หรืออาหารที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ ที่กำลังเติบโต และแผนการขยายกิจการในอนาคต

ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย เดินหน้าแต่งตั้งดีลเลอร์ขยายเครือข่าย

ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย เดินหน้าแต่งตั้งดีลเลอร์ขยายเครือข่าย
• แต่งตั้ง ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพิ่มอีก 3 แห่ง ขยายพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้
• พันธมิตรใหม่มั่นใจคุณภาพยูดี ทรัคส์ ตอบโจทย์ลูกค้า

บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์ เดินหน้าแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพิ่มอีก 3 แห่ง ภายใต้การบริหารโดย 2 บริษัทได้แก่ บริษัท ธนะดี มอเตอร์ จำกัด และบริษัท อันดามันวอยเอเยอร์ส คลับ จำกัด เพื่อขยายศักยภาพการให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้น

โดยการแต่งตั้งครั้งนี้ ทำให้จำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นจาก 17 แห่งในปีนี้ เป็น 20 แห่ง ภายในปี 2565 มร. อีริค ลาบัท ประธานกรรมการ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย เปิดเผยว่าการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพิ่มเติมอีก 2 บริษัทนี้ ทำให้เขตพื้นที่การให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งโดยบริษัท ธนะดี มอเตอร์ จำกัด ส่วนอีก 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และกระบี่ จัดตั้งโดยบริษัท อันดามันวอยเอเยอร์ส คลับ จำกัด ซึ่งทั้ง 3 แห่งนี้ จะได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายรถยูดี ทรัคส์ และให้บริการซ่อมบำรุงรถยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์

“การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพิ่มเติมครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของยูดี ทรัคส์ ที่จะขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรายังมีแผนที่จะแต่งตั้งดีลเลอร์เพิ่มเติมอีกในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางงานขนส่ง เพื่อรองรับความต้องการของฐานลูกค้ายูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น และรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจโลจิสติกส์โดยรถบรรทุกในอนาคต” มร. ลาบัท กล่าว

ทางด้านนางสาวอัยยริน มั่นคง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนะดี มอเตอร์ จำกัดกล่าวว่าบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายยูดี ทรัคส์ เพิ่มเติมในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยมีศูนย์บริการตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ “การตกลงเป็นไพรเวท ดีลเลอร์ เพิ่มอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดเชียงใหม่ เพราะเราเห็นโอกาสทางการตลาดในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่สำหรับธุรกิจขนส่ง จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เข้าไปทำตลาดในพื้นที่ดังกล่าว” นางสาวอัยยริน กล่าว

นางสาวอัยยริน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีที่แล้วเราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไพรเวท ดีลเลอร์ ของยูดี ทรัคส์ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ภายใต้ชื่อบริษัท ธนะดี ออโต้ทรัค แอนด์ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งโชว์รูมและศูนย์บริการพร้อมที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 เมษายนที่จะถึงนี้ โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีมากขึ้น เนื่องจากจังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยศูนย์บริการของเราสามารถให้บริการได้ทั้งยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ทรัคส์ รวมถึงหางรถด้วย สำหรับศูนย์ฯที่เชียงใหม่ นางสาวอัยยริน กล่าวว่าขณะนี้บริษัทฯ เตรียมใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 50 ล้านบาทในการก่อสร้างโชว์รูม และศูนย์บริการที่มี 3 ช่องซ่อม บนพื้นที่ 12 ไร่ ในอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการในกลางปี 2565 สำหรับงานขายทางเราได้เตรียมทีมงานไว้พร้อมแล้วที่บุกตลาดหลังการเซ็นสัญญาในวันนี้

ทางด้านนาย อภิชาต คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อันดามัน วอยเอเยอร์ คลับ จำกัด กล่าวว่า ตนรู้สึกขอบคุณที่บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นต่อบริษัทอันดามัน ฯ เป็นผู้ดูแลลูกค้าในแบรนด์ ยูดีและวอลโว่ ในพื้นที่ภาคใต้ ตอนกลาง เนื่องจากตนเองอยู่ในธุรกิจรถยนต์นั่งมานาน มีความสนใจต่อยอดธุรกิจเข้าสู่ตลาดรถบรรทุก เพราะเห็นถึงข้อจำกัดและความจำเป็นของผู้บริโภคที่ต้องพึ่งพาการขนส่งสินค้าจำนวนมากจากพื้นที่หนึ่งสู่พื้นที่หนึ่ง เห็นความนิยมของผู้ประกอบการขนส่งที่ให้ความมั่นใจใช้รถ ยูดี เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี จึงเข้าไปฟังเสียงจากผู้ใช้รถยูดีจริง และสอบถามความคิดเห็นจากผู้ประกอบการจริง จึงพบว่า รถยูดี เป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานที่ดีมาก วิ่งได้ระยะทางที่มากกว่า ประหยัดน้ำมัน และเป็นรถที่มีคุณภาพ

หากมีศูนย์บริการเพิ่มขึ้นกว่านี้จะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจต่อการบริการหลังการขายมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจดังกล่าว จึงทำให้ตนเองเชื่อมั่นและตัดสินใจ เสนอพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งเป็นจุดตัดผ่านในพื้นที่ส่วนกลางของภาคใต้ ให้เป็นจุดเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการรถบรรทุก เสริมความเชื่อมั่นด้านการบริการหลังการขายของยูดีและวอลโว่ และมั่นใจว่าจากการลงทุนดังกล่าว จะสามารถทำให้เพิ่มสัดส่วนการขายของบริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ในพื้นที่ภาคใต้ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายต่อไป

โดยบริษัทฯ ได้เตรียมโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการพื้นที่ 5 ไร่ ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัด นครศรีธรรมราช และ 6 ไร่ ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งจะมี 6 ช่องซ่อมต่อศูนย์ในเบื้องต้น ไว้รองรับการบริการขายทั้ง ยูดี และ วอลโว่ ในพื้นที่ดังกล่าว และคาดหวังจะให้เป็นเป็นสถานีแห่งความสุขของการแวะพักระหว่างการเดินทาง ของ พนักงานขับรถยูดีและวอลโว่ เป็นชุมชนการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ประกอบการขนส่งในภาคใต้ เพื่อใช้พัฒนาและลดค่าใช้จ่ายในการประกอบการต่อไป และโดยบริษัทฯ วางแผนการก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้ทันกลางปีนี้

ยูดี ทรัคส์ ส่งมอบรถ ยูดี ทรัคส์ ให้กับ หจก. โชควิกรานต์

หจก. โชควิกรานต์ บริษัทขนส่งรายใหญ่ประจำจังหวัดกาญจนบุรี วางใจเลือกใช้ยูดี ทรัคส์ เพื่อรองรับการขยายตัวธุรกิจงานบริการขนส่งกระจายสินค้า
ยูดี ทรัคส์ ได้มีการส่งมอบรถหัวลากเควสเตอร์ เครื่องยนต์ 8 ลิตร 350 แรงม้า ไปแล้วเป็นจำนวน 24 คัน และรอส่งมอบเพิ่มเติมอีก 20 คัน เพื่อให้ลูกค้านำไปขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง  #UDTrucks #ยูดีทรัคส์

ยูดี ทรัคส์ เข้าสู่การบริหารงานและดำเนินการภายใต้ อีซูซุ มอเตอร์ ญี่ปุ่น พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารใหม่

ยูดี ทรัคส์ เข้าสู่การบริหารงานและดำเนินการภายใต้ อีซูซุ มอเตอร์ ญี่ปุ่น พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารใหม่

อีซูซุมอเตอร์ สำนักงานใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าซื้อกิจการ ยูดี ทรัคส์ ไปจาก วอลโว่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเข้าเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างวอลโว่ กรุ๊ป และอีซูซุมอเตอร์ โดย มร.นาโอโตะ ฮาคามาตะ (Mr. Naoto Hakamata) ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ มร.เทตซึยะ ไอบะ (Mr. Tetsuya Aiba) ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ขณะที่ มร.โจอาคิม โรเซ็นเบิร์ก (Mr. Joachim Rosenberg) รองประธานบริหารของ วอลโว่ กรุ๊ป ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของยูดี ทรัคส์ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น แล้ว เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564

ภายใต้กรอบของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์นี้ส่งผลให้ ยูดี ทรัคส์ เป็นตัวเชื่อมต่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ระยะยาวที่แข็งแกร่งระหว่าง วอลโว่ กรุ๊ป และอีซูซุ มอเตอร์ ซึ่งเป็นการสร้างความร่วมมือในระยะยาว

โดยเมื่อเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอีซูซุมอเตอร์แล้ว ยูดี ทรัคส์จะมีโอกาสในการ:
ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งซึ่งกันและกัน และการประหยัดจากขนาดการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของรถบรรทุกขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นและในตลาดต่างประเทศ ศึกษาความร่วมมือกันในด้านการจัดซื้อและโลจิสติกส์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีร่วมกัน รวมไปถึงการเติมเต็มพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ซึ่งกันและกัน สร้างเสริมฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการลงทุนพัฒนาด้านเทคนิคและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

ยูดี ทรัคส์ได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่มานานกว่า 14 ปีร่วมกับ วอลโว่ กรุ๊ป ในด้านเทคโนโลยี การจัดหา โลจิสติกส์ การผลิตและการขาย บริษัทยังร่วมกับวอลโว่ กรุ๊ปในการส่งเสริมความหลากหลายของพนักงาน สนับสนุนวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่น และส่งเสริมให้พนักงานมีวิธีคิดระดับโลกเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ยูดี ทรัคส์จะยังคงปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่ว่า“ ก้าวไปให้ไกลกว่าเดิม” และมุ่งมั่นร่วมกับอีซูซุมอเตอร์ที่จะสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนและโลกใบนี้ต่อไป

สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทยนั้น มร. อีริค ลาบัท ประธานกรรมการบริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและการขายรวมถึงการให้บริการแก่ลูกค้าในประเทศไทยแต่อย่างไร ลูกค้าจะยังคงได้รับบริการที่ดีตามมาตรฐานเช่นเดิมจากดีลเลอร์ทั้งหมด 16 แห่งทั่วประเทศ “เราขอให้คำมั่นสัญญากับลูกค้าของเราทั้งในแบรนด์ของยูดี ทรัคส์ และวอลโว่ ทรัคส์ ว่าการดำเนินงาน ติดต่อประสานงานระหว่างเรากับลูกค้า รวมไปถึงการให้บริการ ทุกอย่างยังคงดำเนินการเป็นอย่างดีเช่นเดิม เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า” มร. ลาบัท กล่าว

ยูดี ทรัคส์ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองให้กับแชมป์นักขับจากการแข่งขัน UD Extra Mile Challenge (UDEMC)

มื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ยูดี ทรัคส์ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองให้กับแชมป์นักขับจากการแข่งขัน UD Extra Mile Challenge (UDEMC) ในรูปแบบ Virtual พร้อมกันทั้ง 9 ประเทศ โดยรวมเอาสุดยอดนักขับจากการแข่งขันในปี 2562 มารวมตัวพร้อมกันผ่านช่องทางออนไลน์ และรับมอบชุดของขวัญส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นเกียรติให้กับฮีโร่นักขับของเรา

โดยมีฮีโร่ตัวแทนนักขับยูดี ประเทศไทย ได้แก่ คุณศุภชัย ทาเจริญ พนักงานขับรถประจำบริษัท นิ่มซี่เส็ง ขนส่ง 1988 จำกัด แชมป์นักขับจากการแข่งขันในปี 2562 พร้อมด้วย คุณชวลิต สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด และทีมผู้บริหารยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย ได้ให้เกียรติเข้าร่วมในงานนี้ “ขอขอบคุณ ยูดี ทรัคส์ ที่จัดงานนี้ และมอบโอกาส และประสบการณ์ดีๆให้ผมทั้งในวันนี้และจากการแข่งขันที่ผ่านมา มันทำให้ผมไม่หยุดที่จะพัฒนาศักยภาพตัวเอง และนำความรู้ดีๆแนะนำบอกต่อเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้พวกเราก้าวสู่การเป็นนักขับมืออาชีพตัวจริง” คุณศุภชัย ทาเจริญ แชมป์นักขับประเทศไทยกล่าว

UD Extra Mile Challenge (UDEMC) เป็นการแข่งขันเฟ้นหาสุดยอดนักขับรถบรรทุกยูดี การตรวจเช็ครถก่อนการใช้งาน การขับขี่ประหยัดน้ำมัน และการขนส่งสินค้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การแข่งไม่สามารถจัดขึ้นได้ แต่เราจะกลับมาอย่างแน่นอนเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น ขอให้พี่ๆนักขับฝึกทักษะเตรียมไว้ได้เลย

รถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS นับเป็นอีกไฮไลท์สำคัญที่แฝงไปด้วยความพิเศษมากมาย

เอ็ม เอ เอ็น ผู้นำนวัตกรรมด้านยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของโลกจากประเทศเยอรมนี

เอ็ม เอ เอ็น ได้เข้ามาตีตลาดประเทศไทยและได้เปิดตัวรถบรรทุกเรือธงทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ MAN TGS 6×4 360 แรงม้า TGS 6×4 400 แรงม้า และ TGS 6×4 440 แรงม้า ซึ่งนำเข้าแบบ CBU 100% จากประเทศเยอรมนี โดยรถบรรทุกทั้ง 3 รุ่นนี้ มีจุดเด่นทั้งด้าน สมรรถนะที่แข็งแกร่งและฟังก์ชันที่ล้ำสมัย ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพการใช้งาน ความประหยัด และความสะดวกสบาย ผ่านการออแบบคิดค้นและนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ผสานเข้ากับองค์ประกอบทุกส่วนจนออกมาเป็นรถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าผู้ประกอบการและคนขับรถบรรทุกทั่วโลก

นอกจากความแข็งแกร่งทนทานและเทคโนโลยีต่างๆทั้งภายนอกและภายในของรถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น หัวลากรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS นับเป็นอีกไฮไลท์สำคัญที่แฝงไปด้วยความพิเศษมากมายที่ถูกพัฒนาให้มีรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวแต่ลงตัวกับประสิทธิภาพการใช้งาน โดยนอกจากรูปทรงที่แสดงถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่น ภาพลักษณ์ที่สง่างามและทรงพลังดุจพญาราชสีห์แล้ว หัวลากรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS ยังเป็นผลลัพธ์ของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ผ่านการออกแบบ คิดค้นขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัย รวมถึงความประหยัดคุ้มค่า

ขนาดและน้ำหนักของหัวลากผันแปรได้
รถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น ขึ้นชื่อในเรื่องของการบรรทุกน้ำหนักได้อย่างเต็มที่และรองรับทุกสภาพพื้นผิวถนน เนื่องด้วยหัวลากรถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS นั้นได้รับการออกแบบมาให้สามารถกระจายน้ำหนักบรรทุกแบบผันแปรระหว่างเพลาล้อหน้าและหลัง มั่นใจได้ว่าแรงฉุดลากที่จำเป็นสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึงและนำไปใช้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ทุกการขับเคลื่อนบนทุกสภาพพื้นผิวถนน

กันชนผ่านการพัฒนาและดัดแปลงใหม่
เอ็ม เอ เอ็น ได้พัฒนานวัตกรรมสำหรับกันชนขึ้นอีกขั้น โดยเป็นกันชนพลาสติกรุ่นใหม่ที่เรียงกันเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่อยู่ในหัวรถลากเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS ช่วยให้กันชนสามารถระบายความร้อนได้ดีแม้ขับขี่เป็นเวลานาน โดยนอกจากกันชนจะเป็นองค์ประกอบหลักที่ออกแบบมาเพื่อช่วยถนอมอายุการใช้งานและเพิ่มความทนทานของเครื่องยนต์แล้ว เอ็ม เอ เอ็นยังใส่ใจถึงรูปทรงที่สวยงามจึงได้ออกแบบกันชนมาอย่างประณีต เพื่อแสดงถึงความสง่างามและเอกลักษณ์ของรถบรรทุกแบรนด์เอ็ม เอ เอ็น

โครงสร้างน้ำหนักเบา
หัวลากรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ได้รับการออกแบบพิเศษให้มีน้ำหนักเบา ซึ่งถือเป็นอีกประโยชน์สำคัญที่ทำให้รถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น มีสมรรถนะในการบรรทุกและขนส่งสินค้าได้มากขึ้น โดยนอกจากจะตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าของประสิทธิภาพการใช้งานในการวิ่งแต่ละรอบแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานน้ำมัน ทั้งนี้เป็นการช่วยผู้ประกอบการขนส่งลดต้นทุนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน เวลา และค่าแรงคนขับ รวมถึงยืดอายุการใช้งานของตัวรถและเครื่องยนต์

โครงสร้างตัวถัง เป็นมิตรกับสรีระ
เอ็ม เอ เอ็น ได้สร้างพื้นที่ภายในหัวรถให้มีขนาดกว้างมากขึ้น โดยหัวรถบรรทุก เอ็ม เอ เอ็น จะเป็นหัวเก๋งที่มีลักษณะเป็นทรง L และ LX หรือหลังคาสูง แต่มีน้ำหนักเบา มาพร้อมระบบลดแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทก ทำให้สามารถสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว และเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเป็นมิตรกับสรีระเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการขับระยะทางใกล้หรือไกล

นอกจากหัวลากรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น ทั้งตัวรถและเครื่องยนต์ของรถบรรทุกเอ็ม เอ เอ็น รุ่น TGS ยังมีระบบอัจฉริยะต่างๆที่คิดค้นมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่ ทำให้รถบรรทุก เอ็ม เอ เอ็น ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยผ่านการพิสูจน์ด้านสมรรถนะ ความประหยัดพลังงาน รวมถึงบริการหลังการขายที่เป็นอีกหัวใจสำคัญหลักของแบรนด์ จนได้รับความเชื่อมั่นจากคนขับและผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย

รถบรรทุกฟูโซ่รุ่นในตำนาน FN2527 กลับมาอีกครั้งพร้อมเกียร์ FUSO Splitter 10 เกียร์ใหม่

บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด

รถบรรทุกฟูโซ่รุ่นในตำนาน FN2527 กลับมาอีกครั้งพร้อมเกียร์ FUSO Splitter 10 เกียร์ใหม่ รุ่นเรือธงนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ใช้งานในสภาพถนนที่มีความท้าทายสูง ด้วยประสิทธิภาพและความทนทานที่ยอดเยี่ยม

กรุงเทพฯ 16 กรกฎาคม 2564 – บริษัท เดมเลอร์ คอมเมอร์เชียล วีฮีเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือดีซีวีที ประกาศการกลับมาของรถบรรทุกฟูโซ่ (FUSO) รุ่นในตำนาน FN2527 ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านประสิทธิภาพและความทนทานที่โดดเด่น เหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพถนนที่ท้าทายด้วย FUSO Splitter 10 เกียร์ใหม่

ด้วยประสิทธิภาพและความทนทานที่ยอดเยี่ยมของรถบรรทุกฟูโซ่รุ่นเรือธงนี้ FN2527 ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ใช้งานในสภาพถนนที่มีความท้าทายสูง

คุณพัชรินทร์ อัศวเคนทร์กุล, Head of Network Development and Marketing ของดีซีวีที กล่าวว่า “ถึงแม้รถบรรทุกฟูโซ่รุ่น FN2527 จะไม่ได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว แต่ลูกค้าของเรายังคงสอบถามเข้ามาถึงรุ่นนี้อย่างต่อเนื่อง ที่ดีซีวีทีเราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการรับฟังความคิดเห็นและตอบสนองความต้องการของลูกค้า

“นอกจากนี้ การเปิดตัวรถบรรทุกฟูโซ่รุ่น FN2527 อีกครั้งนี้ จะช่วยขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเราในประเทศไทยให้ครอบคลุมกลุ่มตลาดที่กว้างขึ้นอีกด้วย” คุณพัชรินทร์ กล่าวเสริม

การกลับมาของ FN2527 นอกเหนือจาก FUSO Splitter 10 เกียร์ใหม่แล้ว ยังมาพร้อมกับการออกแบบใหม่ ลูกค้าสามารถมั่นใจในคุณภาพของชิ้นส่วนอะไหล่และสินค้า 'Made in Japan' ของแท้ที่มีชื่อเสียง

ฟีเจอร์หลักของรุ่น FN2527 ได้แก่: 270 แรงม้า ใช้ในงานลากของที่หนักได้เต็มพิกัด ระบบเกียร์ FUSO Splitter 10 เกียร์ เพื่อการใช้งานบนสภาพถนนที่ท้าทาย ระบบเบรกแอร์โอเวอร์ไฮดรอลิก (Air Over Hydraulic: AOH) และเบรกไอเสีย เพื่อความปลอดภัย อัตราทดเฟืองท้าย (Rear Axle Ratio: RAR) 7.4 เพื่อความสามารถในการลากจูงและการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ข้อมูลคุณสมบัติเหล่านี้ของรุ่น FN2527 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานขับขี่แบบออฟโรด 90% และการใช้งานบนถนน 10% ผสานกับความเป็น 'Made in Japan' ของฟูโซ่ทำให้รุ่น FN2527 เหมาะสำหรับการขุดหนักหรือการก่อสร้างแบบข้ามประเทศในพื้นที่ห่างไกลที่เป็นถนนลาดยาง ลูกค้าที่สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Daimler Commercial Vehicles Thailand, Facebook FUSO Thailand หรือทาง LINE official: @fusothailand_dcvt

รถบรรทุกมือสองสแกนเนียเติบโตต่อเนื่อง / Scania Used Trucks

รถบรรทุกมือสองสแกนเนียเติบโตต่อเนื่อง

สแกนเนียเผย ธุรกิจรถบรรทุกมือสองเป็นอีกทางเลือกในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เติบโตต่อเนื่องถึง 10 % มีมูลค่ายอดขายประมาณ 50 ล้านบาท พร้อมการันตีลูกค้าจะได้รับรถที่มีคุณภาพ และราคาย่อมเยา เสมือนเป็นรถมือหนึ่งของสแกนเนีย

นายยุทธนา มหาวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุกมือสอง บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยถึง การเข้ามาทำตลาดรถบรรทุกมือสองว่า การทำตลาดรถมือสองนับเป็นหนึ่งในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสแกนเนียได้พยายามที่จะเข้าถึงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ และงานบริการเพื่อความเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ และการใช้งานของลูกค้า ให้ลูกค้าสะดวกในการรับบริการครบวงจรในที่เดียว

โดยการเข้ามาในตลาดรถบรรทุกมือสองถือได้ว่าเป็นตลาดกลุ่มที่กำลังเติบโตในประเทศไทย สำหรับการเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 โดยบริษัทแม่ที่สวีเดนได้มองเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่ง และยังมีแนวโน้มในการขยายตัวที่ดี

โดยในปีนี้มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 20 ถึง 30 คัน แต่ถือว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง คิดเป็น 10% มีมูลค่ายอดขายประมาณ 50 ล้านบาท จากราคารถมือสองของสแกนเนียโดยเฉลี่ย 2 -2.5 ล้านบาทต่อคัน โดยแนวทางการทำตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยนั้น นายยุทธนา กล่าวว่า จะมีความแตกต่างจากประเทศในแถบยุโรป เพราะกฎหมายในยุโรปมีการกำหนดการใช้งานของรถบรรทุกเอาไว้ไม่เกิน 5-6 ปี แต่สำหรับประเทศไทยการใช้งานรถแต่ละคันจะใช้กันเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งทางสแกนเนียต้องนำมาคำนวณหาความเหมาะสมของราคาต่อสภาพรถที่แท้จริงก่อนที่จะนำเสนอแก่ลูกค้า

โดยสต็อกรถบรรทุกมือสองได้มาจาก 3 แหล่งด้วยกัน คือ 1. เป็นรถจากไฟแนนซ์สแกนเนีย สยามลิสซิ่ง 2. เป็นรถบรรทุกที่เกิดจากการเทิร์นของลูกค้า อายุของรถอยู่ประมาณ 6 - 8 ปี และ 3. ลูกค้านำรถมือสองมาขายให้กับแผนกรถมือสอง ทั้งนี้ หากเทียบกับรถมือสองของแบรนด์ฝั่งยุโรป ทางสแกนเนียมีจุดเด่นอยู่ที่เป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่มีไฟแนนซ์เป็นของตัวเองจึงสามารถดูแลลูกค้าได้ดีกว่า ยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับบริการอื่นๆ จากสแกนเนียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจได้อีกหลากหลายบริการ

“จุดเด่นของแผนกรถมือสองสแกนเนียที่แตกต่างจากตลาดรถมือสองทั่วไป คือการตรวจสอบเช็คในทุกส่วนของรถด้วยอุปกรณ์และโปรแกรมเฉพาะของสแกนเนีย โดยช่างของสแกนเนียที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ซึ่งในการตรวจนี้เรามีเช็คลิสต์ตามมาตรฐานของเราอยู่ที่ 111 รายการ ที่จะต้องเช็คให้อยู่ในสภาพใช้การได้ตามมาตรฐาน และเมื่อมีอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนก็จะเป็นอะไหล่สแกนเนียแท้ 100% ดังนั้นลูกค้าจึงมั่นใจในตัวของช่างว่าเป็นช่างสแกนเนียที่ซ่อมรถสแกนเนียอยู่แล้ว มีประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ทำธุรกิจในประเทศไทย และในปีนี้ทางสแกนเนียจะมีการเช็คเปลี่ยนถ่ายโปรแกรมชุดใหญ่ (L) เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกียร์เฟืองท้ายทั้งหมด และทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้งที่เราส่งมอบรถมือสองให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าพร้อมนำรถไปใช้งานอย่างเต็มที่ได้ทันทีหลังรับรถ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเอาไปซ่อมเพิ่ม” นายยุทธนากล่าว

นายยุทธนากล่าวทิ้งท้ายว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจรถมือสองสแกนเนียเป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งในปีหน้าจะมีการนำเสนอให้นำเรื่อง “สัญญาการให้บริการ” เข้ามาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ช่วยลูกค้ารถมือสองให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น สำหรับลูกค้าที่สนใจรถสแกนเนียมือสอง สามารถโทรศัพท์สอบถามสแกนเนียมือสองของแท้ได้ที่ คุณยุทธนา 092 223 7544 โดยสแกนเนีย ยังคงมุ่งมั่นเพื่อให้รถของลูกค้าพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลกำไรในธุรกิจขนส่งอย่างสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนสู่ระบบขนส่งที่ยั่งยืน “เพราะธุรกิจคุณ สำคัญที่สุด”

รถบรรทุกไฟฟ้างานเหมือง SANY รุ่น “SKT90E Pure Electric Truck”

“LEADWAY” จับมือ “SANY” ผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้างานเหมือง SANY รุ่น “SKT90E Pure Electric Truck” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและร่วมลดสภาวะโลกร้อนเป็นรายแรกในประเทศไทย

ตามนโยบายการรณรงค์ เรื่องการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นวาระของโลก และประเทศไทยได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องนี้ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ไปเข้าร่วมประชุม COP 26 บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด ในฐานะผู้แทนจำหน่ายเครื่องจักรกลงานเหมืองและเป็นตัวแทนจำหน่าย รถบรรทุกงานเหมือง SANY จึงได้ตอบสนองนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกับ บริษัท SANY Heavy Industry Co,. Ltd. ประเทศจีน ผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักยักษ์ใหญ่ ที่มีมาตราฐานสูง คุณภาพเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป จึงได้นำเข้ารถบรรทุกไฟฟ้า ยี่ห้อ SANY รุ่น SKT90E Pure Electric Truck เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นรายแรก ซึ่งส่วนหนึ่งได้ทำการส่งมอบให้ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายฉกาจ แสนจัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด เปิดเผยว่า จุดเด่นของรถบรรทุกไฟฟ้านี้ ถือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง กล่าวคือ นอกเหนือจากการช่วยลดการปล่อยก๊าซ์คาร์บอนได อ๊อกไซด์เป็นอันมาก แล้วยังปราศจากมลภาวะเสียงอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ลูกค้ายังสามารถดำเนินการขอทำคาร์บอนเครดิตได้อีกส่วนหนึ่ง รวมถึงการลดต้นทุนในการดำเนินการ โดยเฉพาะในขณะนี้ที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น แต่รถ SANY รุ่น SKT90E มีต้นทุนด้านการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่ากว่ารถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์

บริษัท ลีดเวย์ฯ มีความพร้อมที่จะบุกตลาดรถบรรทุกงานเหมืองเต็มสูบ โดยเริ่มที่ รถบรรทุกเหมืองไฟฟ้า SANY รุ่น SKT90E Pure Electric Truck รวมถึงการบริการหลังการขายและอะไหล่ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า บริษัทลีดเวย์ฯ ได้รับความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิต ส่งทีมวิศวกรผู้ชำนาญการด้านรถบรรทุกไฟฟ้ามาประจำการที่ประเทศไทย เพื่อฝึกอบรบและพัฒนาทีมงานบริการของบริษัทฯ รวมไปถึงทีมงานของลูกค้า ให้สามารถใช้งานรถได้เต็มประสิทธิภาพและบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี

นายฉกาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการบริการหลังการขาย ยังมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ยาวนานถึง 5 ปี หรือ 2 แสนกิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบส่งกำลัง ยังรับประกันยาวนาน 3 ปี หรือ 1.5 แสนกิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนเช่นเดียวกัน

วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย เดินหน้าแต่งตั้งดีลเลอร์ขยายเครือข่ายภาคเหนือ และภาคใต้

วอลโว่ ทรัคส์ ประเทศไทย เดินหน้าแต่งตั้งดีลเลอร์ขยายเครือข่ายภาคเหนือ และภาคใต้

วอลโว่ ทรัคส์ เดินหน้า แต่งตั้งดีลเลอร์ ขยายเครือข่ายภาคเหนือและภาคใต้ เพิ่มอีก 3 แห่ง เพื่อให้บริการลูกค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น

ภายใต้การบริหารโดย 2 บริษัทได้แก่ บริษัท ธนะดี มอเตอร์ จำกัด ดีลเลอร์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในจังหวัดเชียงใหม่ บริษัท อันดามันวอยเอเยอร์ส คลับ จำกัด ดีลเลอร์ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดกระบี่

โดยศูนย์บริการทั้ง 3 แห่งนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมความพร้อม คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถให้บริการได้ในปี 2565 วอลโว่ ทรัคส์ ขอบคุณลูกค้าที่มั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์และการบริการ ส่งผลถึงการเติบโตในความต้องการรถบรรทุกในธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบัน

วอลโว่ บัส ต้อนรับฤดูฝน ให้ส่วนลดอะไหล่ระบบเบรค 40%

อลโว่ บัส ต้อนรับฤดูฝน ให้ส่วนลดอะไหล่ระบบเบรค 40%

บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผลิตและจัดจำหน่ายรถบัสสายพันธุ์สวีเดน วอลโว่ บัส อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดโปรโมชันพิเศษต้อนรับฤดูฝน รับส่วนลดทันที 40% อะไหล่ระบบเบรค สำหรับลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ 15 แห่งทั่วประเทศ

โปรโมชั่นลดราคาอะไหล่ระบบเบรค 40% นี้ สำหรับ ลูกค้าที่นำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการวอลโว่ บัส ทั้ง 15 สาขาที่กระจายทั่วประเทศ พร้อมรับประกันอะไหล่นานถึง 2 ปี และรับส่วนลดเพิ่มค่าแรงพิเศษ 600 บาทต่อชั่วโมง ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม นี้

การจัดโปรโมชันครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงการบำรุงรักษาตามรอบอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ และรวมไปถึงอะไหล่ โดยเฉพาะระบบเบรคที่มีความสำคัญมากในช่วงฤดูฝน การส่งเสริมให้ลูกค้านำรถเข้ารับบริการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นมาตรการรักษาคุณภาพการให้บริการรถบัสที่ดีอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งสอดคล้องกับค่านิยมขององค์กรเราที่เน้นเรื่องความปลอดภัย คุณภาพและเทคโนโลยี

วอลโว่ บัส ปลื้ม โรงประกอบตัวถัง 3 รายขอร่วมธุรกิจ

วอลโว่ บัส ปลื้ม โรงประกอบตัวถัง 3 รายขอร่วมธุรกิจ
ย้ำ ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบายเพิ่มทางเลือก เดินหน้าสำรวจโรงประกอบ ก่อนสรุปการคัดเลือก

บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถบัสสายพันธุ์แกร่งจากประเทศสวีเดนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตอกย้ำนโยบายเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเลือกใช้ผู้ประกอบตัวถังรถบัส โดยล่าสุด มีผู้ประกอบตัวถังรถบัสชั้นนำในประเทศ แสดงความสนใจเข้าร่วมธุรกิจกับวอลโว่ บัส แล้ว 3 ราย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจให้คะแนนโรงงานประกอบรถบัส เพื่อสรุปผลการพิจารณารอบสุดท้าย

นายเดชชัย กุลกรินีธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าจากนโยบายการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการประกอบตัวถังรถวอลโว่ บัส ทำให้โรงงานประกอบรถบัสชั้นนำแสดงความสนใจเข้าร่วมธุรกิจกับวอลโว่ บัส โดยมีผู้แสดงความสนใจแล้ว 3 ราย ซึ่งขณะนี้ ทีมงานวอลโว่ บัส เร่งดำเนินการสำรวจและตรวจสอบสภาพโรงงานประกอบตัวถังรถบัสให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ วอลโว่ บัส กำหนด และหากส่วนใดของโรงงานประกอบตัวถัง ยังไม่ผ่านเกณฑ์ ทีมงานก็จะให้คำปรึกษาพร้อมแนะนำแนวทางการปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลกที่วอลโว่ บัส จากสวีเดน กำหนดไว้

“หลังจากที่เราประกาศนโยบายนี้ไปแล้ว มีโรงงานประกอบตัวถังรถบัสให้ความสนใจ ซึ่งเราได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าในนโยบายเพิ่มทางเลือกเพราะลูกค้าจะได้รถที่มีคุณภาพตรงตามสเป็คที่ลูกค้าแต่ละรายต้องการ ซึ่งนโยบายนี้ถือเป็นส่วนเพิ่มเติมจากการเปิดช่องทางให้ลูกค้าสามารถสั่งรถนำเข้าจากบริษัท Truckquip Sdn. Bhd ประเทศมาเลเซีย” นายเดชชัย กล่าว

ภายใต้ข้อกำหนดในการคัดเลือกโรงประกอบตัวถังรถวอลโว่ บัส ผู้สนใจเข้าร่วมธุรกิจต้องเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงเพียงพอในการประกอบตัวถังรถบัส รวมถึงทีมงานที่มีศักยภาพในการประกอบตัวถังรถ ระบบการพัฒนาทีมงานผ่านการฝึกอบรม มีระเบียบในการดูแลพนักงานตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งระบบจัดการภายในโรงงานจะต้องตรงตามมาตรฐานระดับโลก รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์การประกอบตัวถังรถ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล ได้แก่เครื่องมือ เครื่องจักร ตลอดจนโปรแกรมการออกแบบตัวถังรถ ระบบการบริหารจัดการอะไหล่ และบริการหลังการขาย การรับประกันสินค้าหลังการส่งมอบ

นายเดชชัย กล่าวว่าวอลโว่ บัส ให้ความสำคัญกับการประกอบตัวถังรถบัสอย่างมาก เพราะธุรกิจของวอลโว่ บัส คือการจำหน่ายแชสซี ให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจในการเลือกใช้โรงงานประกอบตัวถังรถ ซึ่งต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง ดังนั้น โรงงานประกอบตัวถังรถบัส จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจซื้อแชสซีของลูกค้า

“เราอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของผู้สนใจตอนนี้ แต่เนื่องจากวิกฤติโควิด ทำให้เราใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะเราไม่ต้องรีบร้อนประกาศ เราถือว่ามันเป็นโอกาสของเราที่จะพิจารณาเรื่องนี้ได้อย่างรอบครอบ แต่หากการระบาดของโควิด คลี่คลาย เราพร้อมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มที่” นายเดชชัย กล่าว

วอลโว่ บัส มอบส่วนลด 40% ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว

Scania Singapore announced that it has commenced sales for its battery electric trucks from 6 April 2022. It also announced the signing of a sales agreement today with its first customer, ALB

วอลโว่ บัส มอบส่วนลด 40% ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว

บริษัท วอลโว่ บัส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผลิตและจัดจำหน่ายรถบัสสายพันธุ์สวีเดน วอลโว่ บัส อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดโปรโมชันพิเศษอย่างต่อเนื่องสำหรับรถวอลโว่ บัส ทุกคันที่เปลี่ยนนำรถเข้ารับบริการเปลี่ยนชิ้นส่วนระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ศูนย์บริการทั้ง 15 สาขา โดยรับส่วนลดทันที 40% พร้อมระยะประกัน 2 ปีเต็ม

พิเศษสำหรับลูกค้าที่นำรถวอลโว่ บัส เปลี่ยนแบตเตอร์รี่ที่ศูนย์บริการวอลโว่ บัส ทั้ง 15 สาขาที่กระจายทั่วประเทศ นอกจากโปรโมชั่นส่วนดังกล่าว 40% แล้ว วอลโว่ บัส ยังเสนออัตราค่าแรงพิเศษ 600 บาทต่อชั่วโมง สำหรับการเปลี่ยนอะไหล่ดังกล่าว ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

การจัดโปรโมชันครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงการบำรุงรักษาตามรอบอายุการใช้งานของระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการควบคุมการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว มีส่วนสำคัญต่อการควบคุมการขับขี่ของพนักงานขับรถในสภาพถนนที่ไม่อาจจะคาดเดาในสภาวะอากาศได้ ทั้งนี้ วอลโว่ บัส ให้ความสำคัญกับการนำรถเข้ารับบริการตรวจเช็คที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นมาตรการรักษาคุณภาพการให้บริการรถบัสที่ดีอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งสอดคล้องกับค่านิยมขององค์กรเราที่เน้นเรื่องความปลอดภัย คุณภาพและเทคโนโลยี

A W&H Smart City, for 15 battery electric trucks, the first European-branded battery electric trucks in Singapore.

The L230B6X2*4NB trucks will be delivered in two batches. With the initial batch, which is already in production planning, Scania will homologate its battery electric trucks and the respective charging infrastructure in Singapore, while the second batch will demonstrate Scania’s ability to rolled out the vehicles on a fleet level.

In launching battery electric trucks, Scania aims to contribute to Singapore’s goal for all vehicles to run on cleaner energy by 2040 as well as Scania’s science-based targets for a 20% reduction in Scope 3 greenhouse gas emissions generated through customers’ usage of its products.

“We are very pleased to welcome ALBA W&H Smart City as our pioneering partner towards more sustainable transportation in Singapore,” says Anders Liss, Country Manager of Scania Singapore. “It’s a significant leap forward in showcasing carbon-neutral transportation at a time when more organisations are coming on board to address the global climate crisis. ALBA together with Scania in a sustainable partnership is now part of the SG Green Plan 2030 journey towards net-zero emissions.”

“Being a city state, Singapore is the logical choice for us to establish our first fleet of fully electric vehicles,” said Sashi Kumar, General Manager of Solid Waste from ALBA W&H Smart City. “However, at the same time it is a highly competitive and demanding market with the highest service level expected worldwide, including daily collections and up to 12-hour shifts of continuous operation.”

Mr Kumar added: “We have monitored the market for electric vehicles for several years now and are happy that with Scania’s battery electric trucks, we finally found an electrified chassis that is ready for our daily grind of waste collection in the clean and green city of Singapore.”

The battery electric trucks can operate at close to zero emissions when using cleaner sources of electricity supplemented with the purchase of renewable energy certificates.

Each truck operates as a permanent magnet electric machine with oil spray cooling, with peak propulsion of about 295kW, 2,200 Nm and continuous propulsion of about 230 kW, 1300 Nm. With up to 250 km range on a single charge, it can cover short and medium distances on electric power.

Nine lithium-ion batteries, with an installed capacity of 297 kW, are backed by up to eight years of warranty. Direct current charging is carried out by the European-standard CCS type 2 plug-in connection at up to 130 kW/ 200 A.

In Singapore, customers can choose from the P-cab or L-cab series and 4x2, 6x2 or 6x2*4 wheel configurations with a maximum gross trailer weight of 28 tonnes. The battery electric trucks are suitable for urban operations such as distribution, waste collection, hook lifts, tippers and concrete mixers.

Mr Liss added: “An investment in a battery electric truck improves operators’ branding and market competitiveness as responsible organisations. They are addressing their own climate goals as well as the climate goals of their customers and society.”

Scania’s battery electric trucks are sold as a total solution with charging infrastructure, vehicle optimisation customised to the customer’s operations, repair and maintenance services and the option for financing and insurance services.

ALBA W&H Smart City is a joint venture between Berlin-based ALBA Group, one of the leading recycling and environmental services companies as well as raw material providers worldwide, and Wah & Hua, a leading Singapore waste management provider. In Singapore, the company is the NEA appointed Public Waste Collector for Jurong and Woodlands-Yishun sectors, where ALBA has established itself to be a leader in the space with their innovative suite of sustainability, digitalisation, and productivity solutions.